อาการหูชั้นในอักเสบ (Labyrinthitis) สาเหตุส่วนมากมักเกิดจากการติดเชื้อจนหูชั้นใน และเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างหูชั้นในกับสมองเกิดการอักเสบ ซึ่งจะต่างจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่หูชั้นกลาง มักเกิดในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่
สาเหตุของหูชั้นในอักเสบ
อาการหูชั้นในอักเสบส่วนมากมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสที่หูชั้นใน กระเพาะอาหาร หรือทางเดินหายใจ บางครั้งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียด้วย โดยตัวอย่างเชื้อที่ทำให้เกิดอาการหูชั้นในอักเสบ ได้แก่
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- การติดเชื้อไวรัสเริม (Herpes Simplex Virus: HSV) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเริม โรคงูสวัด และอีสุกอีใส
- การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อแบคทีเรียบอร์รีเลียการินี (Borrelia Garinii) เป็นแบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคไลม์ (Lyme disease)
อาการของหูชั้นในอักเสบ
เนื่องจากหูชั้นในมีหน้าที่รักษาสมดุลของร่างกาย การติดเชื้อจึงอาจทำให้คุณรู้สึกได้ในทันทีทันใด โดยอาการของโรคนี้มีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง และมักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีลักษณะอาการดังนี้
- วิงเวียนศีรษะ หรือมีอาการบ้านหมุน (Vertigo)
- คลื่นไส้อาเจียน
- ได้ยินเสียงอยู่ในหู หรือที่เรียกว่า หูอื้อ
- สูญเสียการได้ยินในหูส่วนที่เสียหาย
- มีปัญหาทางด้านสายตาด้วย
- มีหนอง
โดยอาการดังกล่าวจะค่อยๆ ทรุดลงเมื่อผ่านไปหลายสัปดาห์ ผู้ป่วยอาจมีอาการวิงเวียนเรื้อรัง และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจสูญเสียการได้ยินอย่างถาวรได้ ดังนั้นควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อเกิดอาการ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการหูชั้นในอักเสบ
พฤติกรรม หรือปัญหาสุขภาพต่อไปนี้ สามารถทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหูชั้นในอักเสบมากยิ่งขึ้น
- ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- สูบบุหรี่
- มีความเครียด เหนื่อยล้า
- เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ
- เพิ่งหายจากโรคติดเชื้อไวรัส ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือหูติดเชื้อ
- กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin) ยาขับปัสสาวะ ยาต้านเชื้อมาลาเรีย
การวินิจฉัยอาการหูชั้นในอักเสบ
ยังไม่มีการทดสอบที่ใช้ตรวจอาการหูชั้นในอักเสบได้โดยเฉพาะ ดังนั้นแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคโดยการตัดภาวะอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายกันออกไป เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere's disease) และโรคตะกอนในหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo: BPPV)
ผู้ป่วยอาจได้รับการทดสอบอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ หรือมากกว่าหนึ่งอย่าง เพื่อตัดโรคอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายกันได้ออกไป เช่น
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram: EEG)
- การตรวจการทรงตัว (Electronystagmography: ENG)
- การทดสอบด้วยความเย็น (Caloric stimulation) ซึ่งเป็นการทำให้หูชั้นในอุ่น และเย็น ด้วยอากาศหรือน้ำ เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของดวงตา
- การทำซีทีสแกน (CT scan) ที่ศีรษะ
- การทดสอบการได้ยิน
- การตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) ที่ศีรษะ
การรักษาอาการหูชั้นในอักเสบ
อาการหูชั้นในอักเสบมักจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ หรือหลายเดือน การรักษาจะช่วยบรรเทาอาการ และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ โดยแพทย์จะเริ่มจากการรักษาอาการติดเชื้อที่เป็นสาเหตุให้หายดี และเมื่อรักษาอาการติดเชื้อได้แล้วก็จะสั่งยาให้ตามลักษณะอาการของผู้ป่วย ได้แก่
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ยาแก้แพ้ (Antihistamines)
- ยาควบคุมอาการคลื่นไส้อาเจียน
- ยาบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ
- ยาสเตียรอยด์ (Steroids)
- ยาต้านไวรัส (Antiviral drugs)
- การให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือดดำ หากผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง
การดูแลตนเองสำหรับคนที่เป็นโรคหูชั้นในอักเสบ
คำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยให้คุณจัดการกับอาการวิงเวียนศีรษะจากโรคหูชั้นในอักเสบได้
- เมื่อเกิดอาการวิงเวียนศีรษะให้พักอยู่นิ่งๆ
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว หรือการเปลี่ยนท่าทางอย่างกะทันหัน
- ค่อยๆ หันกลับมาทำกิจกรรมอย่างช้าๆ
- หลีกเลี่ยงที่ที่มีแสงไฟจ้า หน้าจอทีวี และการอ่านหนังสือบนรถ
- ทำกายภาพบำบัดเพื่อปรับสมดุล
- หลีกเลี่ยงการขับขี่ หรือการใช้เครื่องจักรกลหนัก จนกว่าอาการจะหายไปเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ภาวะแทรกซ้อนจากอาการหูชั้นในอักเสบ
การรักษาอาการอักเสบของหูชั้นในด้วยวิธีที่เหมาะสม จะช่วยให้อวัยวะไม่เสียหายอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม การสูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงรุนแรงอย่างถาวรก็อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยโรคนี้ นอกจากนี้ยังอาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- ระบบการทรงตัวของหูเสียหายถาวร
- วิงเวียนศีรษะเรื้อรังเมื่อขยับเปลี่ยนท่าทาง หรือเป็นโรคตะกอนในหูชั้นในเคลื่อน
- ระดับน้ำในหูชั้นในเปลี่ยนไปอย่างผิดปกติ
หูเป็นอีกอวัยวะสำคัญที่ทำให้คุณได้ยินเสียง และเป็นอวัยวะสำคัญในการช่วยให้เราสื่อสารกับผู้คนได้ไม่ต่างจากอวัยวะอื่น
ดังนั้นหากเกิดความผิดปกติกับหู อย่ามองข้ามอาการที่เกิดขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากหากอาการลุกลามรุนแรง หูของคุณอาจเสียการได้ยิน และทำให้กิจวัตรการใช้ชีวิตประจำวันของคุณลำบากขึ้นหลายเท่าตัว
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android
หูชั้นในอักเสบ หนูเป็นเกือบปีแล้วไม่หาย ไปคลีนิค 2ที่แล้วทานยาก็ไม่หาย คลินิกส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไปตามที่หมอนัด แรกๆหมอแค่ให้ยาหยอดหู อาการไม่ดีขึ้น หมอเลยให้กินยาปฏิชีวนะให้หมด 10วัน ตอนนี้ยังกินอยู่ผ่านมา5วันแล้ว ก็ยังมีน้ำออกค่ะ สีเหลืองมีกลิ่น ออกน้อยๆเอง และมีน้น้ำมูกใสเ...