เกาต์เป็นโรคที่เกิดจากการที่มีกรดยูริกสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และมักจะพบที่เท้า หากคุณเป็นโรคนี้ คุณอาจจะมีอาการเท้าบวมและปวดที่ข้อภายในเท้าโดยเฉพาะที่นิ้วโป้ง และอาจจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาอย่างฉับพลันได้
อาการและระยะของโรค
โรคเกาต์นั้นแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ระยะมีกรดยูริกสูงแต่ไม่มีอาการ (asymptomatic hyperuricemia)
- โรคเกาต์ฉับพลัน (acute gout)
- Interval gout
- โรคเกาต์เรื้อรัง (chronic tophaceous gout)
แต่ละระยะจะมีอาการและการรักษาที่แตกต่างกันออกไป
ระยะมีกรดยูริกในเลือดสูงแต่ไม่มีอาการ (asymptomatic hyperuricemia)
เป็นภาวะที่มีกรดยูริกในเลือดสูงแต่ไม่มีอาการ
โรคเกาต์ฉับพลัน (acute gout)
โรคเกาต์ฉับพลันเกิดเมื่อกรดยูริกที่สูงในเลือดนั้นทำให้เกิดผลึกภายในข้อ และทำให้เกิดอาการปวดและบวมอย่างรุนแรง ข้อของคุณอาจจะรู้สึกอุ่นได้ อาการนั้นมักเกิดขึ้นทันทีและอยู่นาน 3-10 วัน คุณอาจจะเกิดภาวะนี้ซ้ำหลายๆ ครั้งได้ในช่วงเวลาหลายเดือนหรือหลายปี
Interval gout
เป็นระยะเวลาระหว่างการเป็นเกาต์ฉับพลันในแต่ละครั้ง คุณมักจะไม่มีอาการในระยะนี้
โรคเกาต์เรื้อรัง (chronic tophaceous gout)
โรคเกาต์เรื้อรังนั้นสามารถเกิดได้หากคุณไม่ได้รับการรักษานานกว่า 10 ปี ในระยะนี้จะมีตุ่มนูนแข็งเกิดขึ้นตามข้อต่อและผิวหนังและเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ นอกจากนั้นยังอาจจะเกิดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเช่นหูเป็ฯต้น และทำให้เกิดการทำลายข้ออย่างถาวร
สาเหตุ
โรคเกาต์นั้นเป็นโรคที่ซับซ้อนและมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค ภาวะบางอย่างเช่นความผิดปกติเกี่ยวกับเลือดและระบบการเผาผลาญในร่างกายอาจทำให้ร่างกายนั้นสร้างกรดยูริกขึ้นมามากขึ้นได้ และการดื่มแอลกอฮอล์นั้นก็สามารถทำให้มีกรดยูริกส่วนเกินเช่นกัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาหารบางชนิดอาจจะทำให้เกิดโรคเกาต์ได้เวลาที่รับประทานมากเกินไป เช่น
- หอย
- เนื้อสีแดง
- เครื่องใน
- น้ำผลไม้ที่หวาน
- เกลือ
นอกจากนั้นคุณยังเป็นโรคเกาต์ได้จากการที่ร่างกายนั้นกำจัดกรดยูริกได้ไม่เพียงพอ เวลาที่คุณขาดน้ำหรือขาดอาหาร ร่างกายจะขับกรดยูริกได้ยากขึ้น และทำให้กรดยูริกสะสมอยู่ตามข้อ
โรคบางโรคเช่นโรคไตหรือโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์นั้นสามารถส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการกำจัดกรดยูริกได้ ยาบางชนิดก็เช่นเดียวกัน เช่นยาขับปัสสาวะ ขากดภูมิคุ้มกัน ยาฆ่าเชื้อราเช่น cyclosporine เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคเกาต์
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ประกอบด้วย
- อายุ ผู้ชายอายุระหว่าง 40-50 ปีและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีความแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้น
- เพศ ผู้ชายมักจะมีแนวโน้มที่จะเป็นมากกว่าผู้หญิง
- ประวัติครอบครัว หากมีคนในครอบครัวที่เป็นโรคเกาต์ คุณอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้เช่นกัน
- อาหารที่รับประทาน การรับประทานอาหารที่มี purine สูงนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเกาต์ เช่นเนื้อแดง เครื่องใน และปลาบางชนิด
- การดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มมากกว่า 2 แก้วต่อวันจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- ยา ยาบางชนิดเช่นยาขับปัสสาวะและ cyclosporine จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเกาต์ได้
- โรคอื่นๆ เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคต่อมไทรอยด์ โรคหยุดหายใจขณะหลับ และโรคเบาหวานสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ได้ทั้งสิ้น
การวินิจฉัย
แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายและอาการที่คุณเป็น เช่นลักษณะของอาการปวด ความถี่ในการปวด และช้อนั้นบวมหรือแดงอย่างไร
นอกจากนั้นยังอาจจะมีการตรวจเพิ่มเติมด้วยการเก็บตัวอย่างสารน้ำจากในข้อมาตรวจเพื่อดูว่ามีกรดยูริกหรือไม่ และอาจจะมีการตรวจเอกซเรย์ข้อดังกล่าว
การรักษา
หากคุณมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหรือเกิดโรคเกาต์เรื้อรัง อาจจะต้องไปพบกับแพทย์เฉพาะทางเรื่องข้อ แพทย์จะวางแผนการรักษาตามระยะของโรคและความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น โดยอาจจะสั่งยาต่อไปนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- Colchicine เพื่อลดอาการปวดในข้อ
- ยาแก้อักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ibuprofen หรือ naproxen เพื่อลดการอักเสบและอาการปวดในข้อ
- Corticosteroid เช่น prednisone เพื่อลดการอักเสบและอาการปวดในข้อ
- ยาเพื่อลดการสร้างกดยูริกในร่างกายเช่น allopurinol
- ยาเพื่อช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกได้ดีขึ้นเช่น probenecid
แพทย์มักจะแนะนำให้เปลี่ยนการใช้ชีวิตเพื่อลดอาการและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกาต์ฉับพลันครั้งถัดไปร่วมกับการใช้ยา เช่น
- เปลี่ยนอาหารที่รับประทาน
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์
- ลดน้ำหนัก
- เลิกบุหรี่
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเกาต์
หากไม่ได้รับการรักษา โรคเกาต์จะทำให้เกิดตุ่มนูนขึ้นที่บริเวณใกล้กับข้อที่อักเสบได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคข้ออักเสบซึ่งเป็นภาวะที่ข้อนั้นถูกทำลายอย่างถาวรและข้อบวม
การป้องกันโรคเกาต์
คุณสามารถป้องกันโรคเกาต์ได้หลายวิธี เช่น
- จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่ม
- จำกัดปริมาณอาหารที่มี purine สูงเช่นหอย เนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อหมู และเครื่องใน
- ทานอาหารที่มีไขมันต่ำและไม่มีผลิตภัณฑ์จากนม แต่มีผักเยอะ
- ลดน้ำหนัก
- เลิกบุหรี่
- ออกกำลังกาย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ หากคุณมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูว่าจะลดความเสี่ยงได้อย่างไร