โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง โดยเกิดขึ้นเมื่อกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับเข้าไปที่หลอดอาหาร ซึ่งกรดจะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อเยื่อบุของหลอดอาหาร และจะทำให้เกิดอาการต่างๆ ของโรคกรดไหลย้อนขึ้น
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน
โรคกรดไหลย้อนเกิดขึ้นจากความผิดปกติของหูรูดที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารกับหลอดอาหาร โดยปกติเมื่อมีการกลืนอาหารเกิดขึ้น กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างจะคลายตัว ซึ่งจะช่วยให้อาหารและน้ำสามารถเคลื่อนไปยังกระเพาะอาหารได้ เมื่อการกลืนเสร็จสิ้น หูรูดดังกล่าวก็จะหดรัดตัวเพื่อป้องกันการย้อนกลับของอาหาร
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แต่ถ้าหูรูดดังกล่าวคลายตัวอย่างผิดปกติ ก็จะทำให้กรดในกระเพาะอาหารสามารถไหลย้อนกลับขึ้นไปที่หลอดอาหาร ซึ่งเป็นเป็นสาเหตุของอาการแสบร้อนกลางอก และในบางครั้งอาการเหล่านี้ยังรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้
นอกจากนี้กรดจากกระเพาะอาหารส่งผลทำให้เกิดภาวะหลอดอาหารอักเสบ (esophagitis) ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานและไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เช่น เลือดออกในหลอดอาหาร และอาจทำให้เกิดมะเร็งที่หลอดอาหารได้
โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน ได้แก่ โรคอ้วน การตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่ โรคหอบหืด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงความผิดปกติของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
อาการของโรคกรดไหลย้อน
ผู้ป่วยที่มีภาวะของโรคกรดไหลย้อน ส่วนใหญ่มักจะมีความรู้สึกแสบร้อนที่กลางอก บางครั้งอาการแสบร้อนอาจจะกระจายไปยังลำคอ นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกถึงรสเปรี้ยวในช่องปาก สำหรับอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ในผู้ป่วย ได้แก่ กลืนลำบาก อาการไอแห้ง มีเสียงแหบหรือเจ็บคอ และอาจมีความรู้สึกถึงก้อนเนื้อภายในลำคอ
การรักษาและการป้องกับโรคกรดไหลย้อน
ยาลดกรด ได้แก่ ยาที่มีองค์ประกอบของอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (aluminium hydroxide) และแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (magnesium hydroxide) ซึ่งยาเหล่านี้จะลดความเป็นกรดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อาการแสบร้อนกลางอกดีขึ้น แต่การใช้ยาในกลุ่มนี้เพียงอย่างเดียวอาจไม่ให้ผลการรักษาที่ดีนัก และการใช้ยาในกลุ่มนี้ที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการข้างเคียงขึ้นได้ เช่น อาการท้องผูก หรือท้องเสีย
ยาที่ลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งได้แก่ ไซเมทิดีน (cimetidine) ฟาโมทิดีน (famotidine) นิซาทิดีน (nizatidine) และรานิทิดีน (ranitidine) ยาในกลุ่มนี้อาจไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้อย่างรวดเร็ว แต่จะช่วยลดการผลิตกรดได้ยาวนานนานถึง 12 ชั่วโมง
ยาที่ป้องกันการผลิตกรดและรักษาหลอดอาหาร ยาในกลุ่มนี้สามารถยับยั้งการหลั่งกรดได้ยาวนาน จึงช่วยทำให้เนื้อเยื่อที่เสียหายของหลอดอาหารสามารถฟื้นฟูให้กลับมาปกติได้ดังเดิม ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ แลนโซพราโซล (lansoprazole) และโอมีพราโซล (omeprazole)
นอกจากนี้ผู้ป่วยสามารถบรรเทาและป้องกันโรคกรดไหลย้อน ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ไม่รับประทานอาหารที่มีรสจัด ไม่นอนหลังรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแสบร้อนกลางอกโดยเฉพาะในเวลากลางคืน อาจนอนโดยการหนุนหมอนสูงก็จะช่วยบรรเทาอาการได้
โรคกรดไหลย้อน (GERD) เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของหูรูดที่ส่วนล่างของหลอดอาหาร ส่งผลทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมา ซึ่งทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ โดยโรคกรดไหลย้อนสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย