กล้ามเนื้อรอบตาหดตัวเป็นการหดตัวของกล้ามเนื้อเปลือกตาที่ควบคุมไม่ได้ซ้ำๆ ส่วนมากมักเกิดที่หนังตาบนแต่ก็สามารถเกิดได้ทั้งหนังตาบนและล่าง ในผู้ป่วยส่วนมากมักมีอาการไม่รุนแรงและรู้สึกเหมือนว่าหนังตากระตุกเบาๆ ในขณะที่บางคนนั้นอาจจะกระตุกแรงจนทำให้หนังตาทั้งบนและล่างนั้นปิดเข้าหากันได้ ภาวะนี้ไม่ใช่ภาวะเดียวกันกับตากระตุก
การหดตัวนั้นมักจะเกิดทุกๆ เวลาไม่กี่วินาทีเป็นเวลา 1-2 นาที และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ และมักจะเป็นๆ หายๆ เป็นเวลาหลายวัน หลังจากนั้นอาจจะไม่มีอาการได้หลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
ตรวจตา รักษาโรคตาวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 437 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การหดตัวนั้นไม่ได้ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและไม่ได้เป็นอันตราย แต่อาจจะทำให้รำคาญ ส่วนมากมักจะหายไปได้เอง ในบางรายอาการนี้อาจจะเป็นอาการเตือนของโรคการเคลื่อนไหวผิดปกติเรื้อรังโดยเฉพาะหากเกิดร่วมกับกล้ามเนื้อใบหน้าอื่นๆ หรือมีการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถควบคุมได้
สาเหตุ
โรคนี้อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่สามารถระบุสาเหตุได้ และเนื่องจากมีเพียงบางรายเท่านั้นที่อาการนี้จะเป็นอาการของโรคที่รุนแรง ทำให้ไม่มีการศึกษาสาเหตุอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม มันอาจจะเกิดจากหรือมีอาการแย่ลงจากภาวะเหล่านี้
- การระคายเคืองที่ตา
- กล้ามเนื้ออักเสบที่เปลือกตา
- อ่อนเพลีย
- นอนไม่พอ
- เหนื่อย
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
- ความเครียด
- การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่หรือดื่มคาเฟอีน
หากอาการกระตุกนี้ยังเรื้อรัง คุณอาจจะเป็นภาวะที่เรียกว่า benign essential blepharospasm ซึ่งเป็นอาการตากระตุกเรื้อรังที่ไม่สามารถควบคุมได้ ยังไม่ทราบสาเหตุของโรคนี้เช่นเดียวกัน
ภาวะต่อไปนี้มักทำให้อาการกระตุกนั้นรุนแรงขึ้น
- เปลือกตาอักเสบ
- เยื่อบุตาอักเสบ
- ตาแห้ง
- มีสารระคายเคืองในสิ่งแวดล้อม เช่นลม แสงที่จ้า หรือมลภาวะในอากาศ
- อ่อนเพลีย
- แพ้แสง
- ความเครียด
- ดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป
- สูบบุหรี่
ภาวะนี้เป็นภาวะที่พบในผู้หญิงได้บ่อยกว่าผู้ชาย และมักจะเกิดในช่วงวัยกลางคน มักจะมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และอาจจะทำให้มีอาการตาเบลอ ไวต่อแสงมากขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก
ภาวะแทรกซ้อน
มีผู้ป่วยบางรายที่อาการนี้อาจจะเป็นอาการของโรคทางสมองหรือระบบประสาทที่รุนแรง แต่มักจะเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ เสมอ ความผิดปกติทางสมองและระบบประสาทที่มักทำให้เกิดอาการนี้ประกอบด้วย
- Bell’s palsy (facial palsy) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ใบหน้าซีกหนึ่งนั้นตกลง
- Dystonia ทำให้กล้ามเนื้อนั้นกระตุกและทำให้ร่างกายส่วนนั้นบิดหรือทำท่าทางประหลาด
- Cervical dystonia ทำให้เกิดการบิดตัวที่คอและทำให้ศีรษะนั้นบิดไปอยู่ในท่าต่างๆ ที่ผิดปกติ
- Multiple sclerosis เป็นโรคของระบบประสาทส่วนกลางที่ทำให้เกิดปัญหาทางความจำและการเคลื่อนไหว และอ่อนแรง
- โรคพาร์กินสัน เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการสั่นตามแขนขา กล้ามเนื้อหดเกร็ง มีปัญหาทางด้านการทรงตัวและการพูด
- Tourette’s syndrome เป็นโรคที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่สามารถควบคุมได้และกล้ามเนื้อในกล่องเสียงกระตุกทำให้เกิดเสียงผิดปกติ
- การมีแผลที่กระจกตาที่ยังไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน หากคุณคิดว่าได้รับการบาดเจ็บที่ตา ควรไปพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอาจจะทำให้ตาบอดได้
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
โรคนี้มักไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงที่ต้องไปพบแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรับการรักษา แต่อาการกล้ามเนื้อหดตัวเรื้อรังนั้นอาจจะเป็นอาการของโณคทางสมองและระบบประสาทที่รุนแรงได้ ดังนั้นหากคุณมีอาการเรื้อรังร่วมกับอาการต่อไปนี้ควรไปพบแพทย์
ตรวจตา รักษาโรคตาวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 437 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ตาแดง บวม หรือมีขี้ตาที่ผิดปกติ
- หนังตาตก
- หนังตาปิดทุกครั้งที่คุณเกิดอาการกล้ามเนื้อรอบตากระตุก
- มีอาการกระตุกติดต่อกันหลายสัปดาห์
- อาการกระตุกนั้นเริ่มเกิดขึ้นที่ส่วนอื่นๆ ของใบหน้า
การรักษา
ส่วนมากโรคนี้มักสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาในเวลาไม่กี่วันหรือสัปดาห์ หากไม่หาย คุณอาจจะลองลดหรือกำจัดสิ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการ เช่นความเครียด ความอ่อนเพลีย และคาเฟอีน
คุณอาจจะลองใช้วิธีต่อไปนี้เพื่อลดอาการที่เกิดขึ้น
- ดื่มคาเฟอีนลดลง
- นอนให้เพียงพอ
- ดูแลให้ตาของคุณมีความชุ่มชื้นเพียงพอ เช่นการใช้น้ำตาเทียมหรือยาหยอดตา
- ประคบอุ่นที่ตาเวลาที่มีอาการกระตุก
- การฉีด Botox นั้นอาจจะช่วยรักษาภาวะ benign essential blepharospasm ได้ โดยอจจะช่วยบรรเทาอาการกระตุกรุนแรงได้หลายเดือน แต่ผลของการฉีดนั้นจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปและอาจจะต้องมีการฉีดซ้ำ
ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจจะต้องผ่าตัดกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่เปลือกตาบางส่วน
การป้องกัน
หากอาการของคุณนั้นเป็นบ่อยกว่าปกติ ให้จดบันทึกว่ามีอาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่บ้าง พร้อมกับจดการดื่มคาเฟอีน การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์รวมถึงระดับความเครียดและการนอนหลับในช่วงเวลาดังกล่าว
หากคุณพบว่าคุณมีอาการบ่อยในเวลาที่นอนไม่พอ พยายามเริ่มเข้านอนให้เร็วขึ้น 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเพื่อลดความเครียดที่กระทำต่อเปลือกตาและลดอาการที่เกิดขึ้น
ผลลัพธ์
เนื่องจากมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ การรักษาและผลลัพธ์นั้นจึงขึ้นกับโรคและแต่ละบุคคล ในปัจจุบันมีการทำวิจัยเพื่อค้นหาว่ามีปัจจัยทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องหรือไม่ แต่โรคนี้ก็มักจะไม่ได้พบในครอบครัวเดียวกัน อาการที่เกิดขึ้นจากความเครียด การนอนไม่พอ และปัจจัยทางการใช้ชีวิตอื่นๆ นั้นมักจะมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากอาการนี้เกิดขึ้นจากโรคอื่นๆ การรักษาโรคนั้นก็จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดอาการกระตุกที่เกิดขึ้น