โรคตาแดงคืออะไร
โรคตาแดง (Conjunctivitis) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า "เยื่อบุตาอักเสบ" เป็นการอักเสบของเยื่อบุตา ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อลักษณะบางและใส ทำหน้าที่ปกคลุมส่วนตาขาวและพื้นผิวภายในของเปลือกตา ซึ่งการอักเสบของเยื่อบุตาบางชนิดสามารถติดต่อกันได้ และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วด้วย ทำให้โรคตาแดงเป็นโรคที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย จนเกิดเป็นพฤติกรรมเคยชินของหลายๆ คนที่เมื่อเห็นผู้ป่วยโรคตาแดง ก็จะไม่ยอมสบตาเพราะกลัวจะได้รับเชื้อไปด้วย ซึ่งความจริงแล้ว การติดต่อของโรคตาแดงนั้นไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสบตาแต่อย่างใด
ส่วนมากโรคตาแดงมักเกิดขึ้นที่ตาข้างเดียวก่อน จากนั้นจึงแพร่เชื้อไปที่ดวงตาอีกข้าง โรคตาแดงเป็นโรคตาที่เกิดขึ้นได้บ่อย แต่ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็มักไม่ค่อยสร้างความเสียหายระยะยาวให้กับการมองเห็นของผู้ป่วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุของตาแดง
โรคตาแดง แบ่งได้เป็น 3 ประเภทตามสาเหตุของการเกิดโรค ได้แก่
- โรคตาแดงจากการติดเชื้อ: การอักเสบของโรคตาแดงมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่บางครั้งก็อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุอาจมาจากพฤติกรรมไม่ดูแลความสะอาดให้กับดวงตา เช่น ชอบขยี้ตา ไม่ล้างมือ ใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาดหรือใช้ร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้ เชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคตาแดงยังสามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ง่ายด้วย โดยเชื้อแบคทีเรียที่มักเป็นสาเหตุของโรคตาแดง จะได้แก่ เชื้อแบคทีเรียสแตฟฟิโลคอคคัส (Staphylococcus) เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) ส่วนเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคตาแดงซึ่งพบได้บ่อย คือ
- อะดีโนไวรัส (Adenovirus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ และโรคหวัด
- เชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex virus) หรือเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม
- เชื้อไวรัสพิคอร์นา (Picorna viruses) เป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบ
- โรคตาแดงจากการแพ้: มักเกิดในผู้มีอาการแพ้ต่อสิ่งกระตุ้นบางอย่างมาก่อนแล้ว จนเมื่อได้ไปสัมผัสสิ่งกระตุ้นนั้นอีกครั้ง จึงทำให้เกิดกระบวนการแพ้ขึ้นบริเวณเยื่อบุตาจนเกิดโรคตาแดงขึ้น ซึ่งสิ่งกระตุ้นดังกล่าวมักจะถูกเรียกว่า "สารก่อภูมิแพ้" และในผู้ป่วยแต่ละรายก็จะมีอาการแพ้ต่อสิ่งกระตุ้นที่แตกต่างกันไป เช่น อากาศตามฤดูกาล เกสรดอกไม้หรือดอกหญ้า ขนสัตว์ ไรฝุ่น
- โรคตาแดงจากสิ่งระคายเคือง: เกิดจากมีสิ่งระคายเคืองจากสภาพแวดล้อมรอบตัวเข้ามาสัมผัสกับเยื่อบุตาจนเกิดเป็นโรคตาแดง เช่น ควัน เขม่าไอเสียจากรถยนต์ มลภาวะทางอากาศ สบู่ สารทำความสะอาด สเปรย์จัดแต่งทรงผม เครื่องสำอาง และสารคลอรีนที่ใส่ในสระว่ายน้ำ
อาการของโรคตาแดง
โรคตาแดงสามารถเกิดขึ้นได้กับดวงตาทั้ง 2 ข้างหรืออาจเกิดขึ้นที่ดวงตาข้างใดข้างหนึ่ง โดยจะมีอาการเกิดขึ้นต่อไปนี้
- บริเวณตาขาวกลายเป็นสีชมพูหรือสีแดง
- รู้สึกปวดตา โดยอาการปวดนี้จะรวมถึงอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน และรู้สึกระคายเคืองตาด้วย
- มีหนองหรือมีของเหลวใสไหลออกมาจากตา ซึ่งอาจทำให้เปลือกตาบนและล่างติดกันเวลาตื่นนอนตอนเช้า
- เปลือกตาบวม
- มีน้ำตาไหลมากผิดปกติ
- ตาแพ้แสง
นอกจากนี้ยังมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ผู้ป่วยควรระวัง ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เช่น คลื่นไส้ มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส การมองเห็นผิดปกติไปจากเดิม
การวินิจฉัยโรคตาแดง
แพทย์จะเริ่มการวินิจฉัยโรคตาแดงโดยการสอบถามเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นก่อน เช่น อาการคัน ปวด มีหนองไหลจากดวงตา มองเห็นไม่ชัด คัดจมูก มีไข้ หรือเจ็บคอ จากนั้นจะมีการตรวจดวงตาผ่านกล้องจุลทรรศน์แบบพิเศษ เพื่อดูว่าผู้ป่วยเป็นโรคตาแดงเพียงข้างเดียวหรือที่ตาทั้ง 2 ข้าง หากแพทย์สงสัยว่าอาการโรคตาแดงเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส แพทย์อาจใช้สำลีปลอดเชื้อเก็บตัวอย่างเชื้อหรือขี้ตาของผู้ป่วยเพื่อไปส่งตรวจ หรือเพื่อเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุของการอักเสบต่อไป
การรักษาโรคตาแดง
วิธีการรักษาโรคตาแดงขึ้นอยู่กับสาเหตุว่าเกิดจากปัจจัยใด แล้วจะรักษาไปตามต้นเหตุของโรค
- โรคตาแดงจากเชื้อแบคทีเรีย: รักษาโดยการใช้ยาหยอดตาหรือยาป้ายตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นภายใน 3-4 วัน
- โรคตาแดงจากเชื้อไวรัส: การรักษาโรคจากสาเหตุนี้ยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะและต้องปล่อยให้อาการดีขึ้นเอง ซึ่งปกติมักใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยอาจใช้การประคบร้อนและประคบเย็นช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นด้วย หรือใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของยาต้านฮิสทามีน (Antihistamine) หรือใช้น้ำตาเทียมร่วมด้วยก็ได้
- โรคตาแดงจากอาการแพ้: สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาแก้แพ้ และยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ แอสไพริน (Aspirin)
- โรคตาแดงจากการระคายเคือง: สามารถรักษาได้โดยการล้างตาด้วยน้ำสะอาด ร่วมกับใช้ยาหยอดตากลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid) โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดงจากการสัมผัสสารเคมี หรือสารระคายเคืองในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ตา
การป้องกันโรคตาแดง
โรคตาแดงมักมีสาเหตุมาจากอาการแพ้ หรือจากการระคายเคืองซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้ หรือสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นและสิ่งสกปรกที่ทำให้เกิดโรคตาแดงได้ เช่น
- ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการใช้มือขยี้ตา
- หมั่นเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้าบ่อยๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของทั้ง 2 อย่างนี้ร่วมกับผู้อื่น
- เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่น รวมถึงอุปกรณ์แต่งหน้า
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แพ้ เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในรูปของโรคตาแดงได้
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสระน้ำที่มีคลอรีนไม่สะอาดหรือไม่ได้มาตรฐาน
- ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ควรทำความสะอาดคอนแทคเลนส์บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น
- อยู่ให้ห่างจากผู้ป่วยโรคตาแดงเพราะโรคนี้เป็นโรคที่ติดต่อต่อหากันได้ง่าย
- พกแว่นกันแดดติดตัวเมื่อออกไปข้างนอก เพื่อป้องกันดวงตาจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก
นอกจากข้อระมัดระวังดังกล่าว เรายังต้องหมั่นสังเกตอาการของโรคตาแดงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และควรรักษาสุขอนามัยเกี่ยวกับดวงตาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคตาแดงและการแพร่เชื้อของโรคตาแดงด้วย
ดวงตาสู้แสงไม่ได้ แสบตาบ่อยครั้ง อยากทราบจะเกิดโรคอะไรที่เกี่ยวกับตามั้ย