เกี่ยวกับอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
เวียนศีรษะบ้านหมุน (Vertigo) เป็นอาการที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกเหมือนรอบ ๆ ร่างกายของคุณขยับหรือหมุนอยู่ อาการนี้มักจะเกิดขึ้นจนสังเกตแทบไม่ได้ หรืออาจจะมีความรุนแรงจนทำให้ยืนไม่ติดพื้นก็ได้
การกำเริบของอาการนี้สามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและคงอยู่นานไม่กี่วินาที หรืออาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานกว่านั้นก็ได้ ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตของคุณเป็นไปได้ยากขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
อาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมีดังนี้:
สาเหตุของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน?
อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน มักเกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องสมดุลภายในหูชั้นใน แต่ก็สามารถเกิดขึ้นจากปัญหาที่สมองบางส่วนก็ได้
สาเหตุของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมีดังนี้:
- โรคหินปูนในหูชั้นใน (benign paroxysmal positional vertigo (BPPV)) – การเคลื่อนไหวของศีรษะบางจุดทำให้เกิดเศษตะกอนขนาดเล็กหลุดออกจากเยื่อบุของช่องทางในหูชั้นใน เมื่อเศษดังกล่าวไหลไปพร้อมกับน้ำในหูซึ่งจะส่งสัญญาณแปลกปลอมไปยังสมอง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนซึ่งมักเป็นเมื่อเปลี่ยนท่าทาง
- ไมเกรน (migraines) : มักมีอาการปวดศีรษะรุนแรงร่วมด้วย
- หูชั้นในอักเสบ (labyrinthitis) : การติดเชื้อภายในหูชั้นใน ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปยังสมองจะแตกต่างจากข้อมูลที่สมองได้รับจากหูและตาที่เป็นปกติ ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดอาการวิงเวียนและอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
- เส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ (vestibular neuronitis) : การอักเสบของเส้นประสาทสำหรับทรงตัวที่อยู่ในหูชั้นใน และทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อควบคุมสมดุลผิดปกติ
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Ménière's disease)
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis) : ภาวะที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) ซึ่งพบได้น้อย
- โรคเนื้องอกบนเส้นประสาทหู (acoustic neuroma) : ภาวะหายากที่มีเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งโตบนเส้นประสาทหูที่ช่วยควบคุมสมดุลและการได้ยิน
- เนื้องอกในสมองส่วนซีลีเบลลัม
- ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (transient ischaemic attack (TIA) หรือ stroke) : การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองถูกตัดขาดบางตำแหน่ง
- การใช้ยาบางประเภท
- การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
คุณอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่นมีไข้สูง, หูอื้อ (tinnitus) และสูญเสียการได้ยิน ขึ้นอยู่กับภาวะตัวการที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนของคุณ
อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน กับการกลัวความสูง
คำว่า “อาการเวียนศีรษะบ้านหมุน” มักถูกเอามาใช้อธิบายอาการกลัวความสูงอย่างผิด ๆ โดยคำเรียกอาการกลัวความสูงจนเกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด ที่เกิดขึ้นจากการมองลงมาที่พื้นจากที่สูง คือคำว่า “Acrophobia”
อาการนี้เป็นอาการทางจิตใจที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่ร่างกายจะนำมาใช้ป้องกันตัวเองเมื่อรู้สึกถึงอันตรายและความไม่มั่นคงจากความสูง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
หากอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนของเกิดจากสาเหตุที่ไม่ชัดเจน คุณอาจต้องเข้าพบแพทย์หากว่า:
- คุณมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนรุนแรงและไม่สามารถดื่มน้ำได้
- คุณมีอาการปวดศีรษะรุนแรง
- คุณมีภาวะสูญเสียการได้ยินกะทันหันแต่คาดว่าไม่ได้เกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
- คุณมีอาการอ่อนแรง เดินเซ เห็นภาพซ้อน หรืออาการร่วมทางระบบประสาทอื่นๆ
การวินิจฉัยอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
แพทย์ของคุณจะสอบถามอาการและดำเนินการทดสอบง่าย ๆ เพื่อช่วยให้ได้ผลการวินิจฉัยที่เที่ยงตรงมากขึ้น
คำถามสำคัญที่แพทย์จะถามเป็นอันดับแรก มีดังนี้:
- รายละเอียดของอาการแรกเริ่มของคุณ เช่น คุณมีอาการหน้ามืดหรือเห็นภาพหมุนรอบตัวคุณก่อนหรือไม่
- คุณประสบกับอาการอื่น ๆ หรือไม่ เช่น สูญเสียการได้ยิน, หูอื้ออึง, คลื่นไส้, อาเจียน หรือรู้สึกแน่นหู
- คุณมีอาการบ่อยแค่ไหน และแต่ละครั้งเกิดขึ้นนานเพียงใด
- อาการของคุณส่งผลต่อกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ เช่น คุณไม่สามารถเดินหรือยืนขณะที่มีอาการได้เลย เป็นต้น
- มีสิ่งใดที่กระตุ้นให้เกิดอาการหรือทำให้อาการทรุดลงหรือไม่ เช่น การขยับศีรษะในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- อะไรที่คุณทำเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
แพทย์อาจต้องทำการตรวจร่างกายของคุณ เพื่อตรวจหาสัญญาณของภาวะที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ซึ่งอาจเป็นทั้งการมองเข้าไปในหูและตรวจสอบดวงตาเพื่อมองหาอาการตากระตุก (nystagmus)
แพทย์อาจทำการตรวจสอบเรื่องสมดุลของคุณ หรือลองกระตุ้นให้เกิดอาการขึ้นด้วยการขอให้คุณสลับอิริยาบถจากนั่งไปเป็นนอน
แพทย์อาจส่งตัวคุณไปยังโรงพยาบาลหรือพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการทดสอบเพิ่มเติมตามความจำเป็น ดังนี้:
- การทดสอบการได้ยิน : หากคุณมีอาการหูอื้อ (tinnitus) หรือสูญเสียการได้ยิน แพทย์อาจส่งคุณไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู, จมูก, และคอ (ENT) เพื่อทดสอบการได้ยิน ซึ่งอาจมีดังนี้:
- การตรวจระดับการได้ยิน (audiometry test) : จะมีการใช้เครื่องจักรที่เรียกว่า audiometer ปล่อยเสียงออกมาในระดับความดังและความสูงที่ต่างกัน คุณต้องฟังเสียงเหล่านี้ทางหูฟังและส่งสัญญาณว่าคุณได้ยินเสียงทั้งแบบกดปุ่มหรือยกมือ
- การตรวจการได้ยินด้วยส้อมเสียง (tuning fork test) : ส้อมเสียงจะปล่อยคลื่นเสียงออกในระดับเสียงที่คงที่เมื่อมีการเคาะเบา ๆ ผู้ทดสอบจะต้องเคาะส้อมเสียงก่อนยกส้อมขึ้นในระดับศีรษะทั้งสองข้าง
- การตรวจการทำงานของอวัยวะทรงตัวในหู (Videonystagmography (VNG)) ถูกใช้เพื่อตรวจหาสัญญาณของอาการตากระตุกอย่างละเอียดมากขึ้น การทดสอบนี้จะมีการใช้แว่นตาชนิดพิเศษสวมให้คนไข้โดยผู้ใส่จะต้องมองไปยังเป้าหมายทั้งแบบที่อยู่นิ่ง ๆ และเคลื่อนไหวอยู่ แว่นตานี้จะบันทึกการเคลื่อนไหวของดวงตาของคุณตลอดการทดสอบ
- การทดสอบด้วยความเย็นร้อน (caloric test) เป็นการทดสอบที่ใช้วิธีเปิดน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นหรืออากาศเข้าไปในหูของคุณนานประมาณ 30 นาที โดยความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิจะกระตุ้นสมดุลของอวัยวะในหูทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถตรวจสอบได้ว่าอวัยวะเหล่านั้นทำงานดีหรือไม่อย่างไร
- การทดสอบการทรงตัว (Posturography) คือการทดสอบสมดุลร่างกายเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สายตา, การรับรู้อากัปกิริยา (ความรู้สึกจากเท้าและข้อต่อต่าง ๆ), และข้อมูลที่คุณได้จากหูในการทรงตัวของคุณเอง
- การสแกน บางกรณีอาจมีการสแกนศีรษะของคุณด้วยการถ่ายภาพสะท้อนแม่เหล็ก (magnetic resonance imaging (MRI)) หรือการถ่ายภาพคอมพิวเตอร์หรือซีทีสแกน (computerised tomography (CT)) เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน เช่นโรคเนื้องอกบนเส้นประสาทหู เป็นต้น
วิธีรักษาอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน
คุณสามารถดูแลจัดการเพื่อบรรเทาอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่คุณประสบ โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญอาจให้คำแนะนำแก่คุณได้ดังนี้:
- ออกกำลังกายง่าย ๆ เพื่อแก้ไขอาการ
- นอนโดยยกศีรษะให้สูงขึ้น ด้วยการหนุนหมอนสองใบขึ้นไป
- ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ และนั่งที่ขอบเตียงประมาณ 1 นาทีก่อนลุกขึ้น
- เลี่ยงการงอตัวก้มเก็บของ
- เลี่ยงการยืดคออย่างการเอื้อมหยิบของจากชั้นสูง
- ขยับศีรษะอย่างช้าๆ และระมัดระวังระหว่างการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- ออกกำลังในท่าที่ทำให้คุณมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน เพื่อให้สมองคุ้นชินกับอิริยาบถ (ควรทำเฉพาะสถานการณ์ที่คุณมั่นใจว่าตนเองจะไม่ล้ม และใช้ตัวช่วยค้ำร่างกายต่าง ๆ ตามความจำเป็น)
หากยังไม่ดีขึ้น มีการรักษาทางการแพทย์บางประเภท ที่สามารถรักษาอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนบางสาเหตุได้ เช่น:
- Epley manoeuvre : การบริหารศีรษะด้วยท่าทางสี่แบบเพื่อขยับเศษตะกอนที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนอยู่กับที่จนไม่ทำให้เกิดอาการขึ้น
- การออกกำลังแบบ Brandt-Daroff : โดยการออกกำลังกายนี้จะประกอบด้วยรูปแบบการเคลื่อนไหวหลายท่าทาง ใช้ทดแทนหาก Epley manoeuvre ไม่ได้ผล
- การฟื้นฟูการทรงตัว Vestibular rehabilitation (VRT) : โปรแกรมการบริหารที่ช่วยกระตุ้นสมองให้ปรับตัวกับข้อความที่ผิดปกติจากหู การทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัญญาณอื่น ลดอาการวิงเวียนและช่วยควบคุมสมดุลการทรงตัวของคุณ
- การรักษาด้วยยา Prochlorperazine : ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนได้ ยาชนิดนี้ออกฤทธิ์ด้วยการเข้ายับยั้งผลของสารเคมีในสมองที่เรียกว่าโดพามีน (dopamine)
- การรักษาด้วยยา Antihistamines : บรรเทาอาการคลื่นไส้, อาเจียน, และอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนรุนแรงได้ ยาชนิดนี้ออกฤทธิ์ด้วยการเข้ายับยั้งสารเคมีที่เรียกว่าฮิสตามีน
ในบางกรณีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนจะหายไปเองโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาใดๆ อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยบางรายที่ประสบกับอาการนี้ซ้ำซากนานหลายเดือนหรือแม้แต่หลายปี เช่น ผู้ป่วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Ménière's disease) ที่อาจต้องรักษาไปตามอาการ ดังนี้:
- การปรับเปลี่ยนอาหารการกิน : โดยเฉพาะอาหารที่มีเกลือต่ำ
- การใช้ยารักษาการกำเริบของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
- ยาที่ใช้ป้องกันการกำเริบของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
- การรักษาอาการหูอื้อ : เช่น การบำบัดด้วยเสียง ด้วยการลดความแตกต่างระหว่างเสียงของอาการหูอื้อและเสียงฉากหลังเพื่อทำให้เสียงจากอาการสร้างความรบกวนน้อยลง
- การรักษาภาวะสูญเสียการได้ยิน : อย่างเช่นการใช้เครื่องช่วยฟัง
- กายภาพบำบัดเพื่อจัดการกับปัญหาการทรงตัว
- การรักษาอาการทุติยภูมิต่าง ๆ จากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน : อย่างเช่นภาวะเครียด, ภาวะวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า
ความปลอดภัย
หากคุณมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน ควรพิจารณาประเด็นต่างๆ ด้านความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น:
- คุณควรแจ้งนายจ้างของคุณ หากว่าหน้าที่ของคุณคือการควบคุมเครื่องจักรหนัก หรือต้องปีนป่ายบันได
- คุณอาจมีความเสี่ยงต่อการล้มเพิ่มขึ้น ควรศึกษาการป้องกันการล้มต่างๆ เพื่อทำให้บ้านของคุณมีความปลอดภัยมากขึ้น
- อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนยังส่งผลต่อความสามารถในการขับยานพาหนะของคุณ ดังนั้นควรเลี่ยงการขับรถ หากคุณเคยประสบกับการกำเริบของอาการ และมีความเสี่ยงที่คุณจะมีอาการอีกครั้งขณะขับรถ
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android