แม้บ้านเราจะมีการรณรงค์ให้ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ไปเข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำทุกปี แต่เชื่อว่ามีผู้หญิงจำนวนมากทีเดียวที่ไม่กล้าไปหาหมอตรวจภายในเพราะความกลัว ไม่ว่าจะกลัวอาย หรือกลัวเจ็บก็ตาม ลองมาอ่านข้อมูลที่ถูกต้องกันดู แล้วจะรู้ว่า การตรวจภายในไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด
การตรวจภายในคืออะไร?
การตรวจภายใน หรือ Per Vaginal Examination คือการตรวจเพื่อหาความผิดปกติที่อวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ทั้งอวัยวะเพศ ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก รังไข่ ท่อนำรังไข่
การตรวจภายในบ่งบอกอะไรได้บ้าง?
- ใช้เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (โดยปกติจะดูด้วย Pap smear) ซึ่งพบมากในผู้หญิงวัย 35 ปีขึ้นไป
- ใช้ตรวจหามะเร็งรังไข่ ซึ่งพบได้ในผู้หญิงทุกช่วงอายุ
- ใช้ตรวจดูเนื้องอกในอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ เช่น เนื้องอกในมดลูก เนื้องอกในรังไข่
- ใช้ตรวจหาสาเหตุที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือปวดท้องประจำเดือนหนักมาก เช่น ช็อกโกแลตซีสต์
- ตรวจติดตามในหญิงตั้งครรภ์
- ตรวจการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ เช่น เชื้อราและแบคทีเรีย
- ใช้ตรวจดูร่องรอยและหาหลักฐานในกรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศ
การตรวจภายในทำอย่างไรบ้าง?
เมื่อเริ่มตรวจ ผู้รับการตรวจจะต้องเปิดเปลือยท่อนล่างและนอนบนเตียงขาหยั่งซึ่งจะแยกขาออกให้แพทย์ตรวจได้สะดวก แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะการตรวจทุกครั้งจะมีแพทย์และพยาบาลอีกหนึ่งคนร่วมอยู่ในห้องตรวจด้วย และยังมีการคลุมผ้าหรือกั้นฉากร่างกายส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากส่วนนั้นที่ต้องตรวจ ทำให้เราคลายความอับอายและความกลัวไปได้ระดับหนึ่ง ขั้นตอนการตรวจจะแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่
- การตรวจด้วยตาเปล่า แพทย์จะดูอวัยวะเพศภายนอกว่ามีลักษณะหรือร่องรอยที่ผิดปกติหรือไม่ เช่น มีบาดแผล มีเลือดหรือหนองไหลออกมา
- การตรวจด้วยเครื่องมือตรวจช่องคลอด Speculum ซึ่งเป็นเครื่องมือคล้ายปากเป็ดแบนๆ ที่สามารถหุบและอ้าได้ แพทย์จะสอดเครื่องมือเข้าไปเพื่อขยายช่องคลอด ทำให้ตรวจดูความผิดปกติภายในได้ และหากมีการตรวจกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย แพทย์จะทำการป้ายเซลล์บริเวณปากมดลูกออกมาตรวจ หรือที่เรียกว่าการทำ Pap smear
- การตรวจด้วยการคลำหน้าท้องและการสอดนิ้ว ในการตรวจภายในมดลูกซึ่งอาจมองไม่เห็น แพทย์จะใช้การสอดนิ้วผ่านช่องคลอดร่วมกับการคลำบริเวณท้องน้อยเพื่อหาตำแหน่งมดลูก และดูว่าบริเวณที่กดลงไปมีอาการเจ็บปวดหรือไม่ การตรวจนี้ช่วยบอกภาวะมดลูกโต เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ก้อนในมดลูกซึ่งอาจเป็นเนื้องอกหรือซีสต์ได้ ในขั้นตอนนี้แพทย์จะสวมถุงมือที่เคลือบสารหล่อลื่นก่อนตรวจเสมอ
การเตรียมตัวเพื่อตรวจภายใน
หากตกลงปลงใจจะเข้ารับการตรวจภายในแล้ว นอกจากการนัดแพทย์ตรวจ ก็มีแนวทางการเตรียมตัว (เตรียมใจ) ที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ซึ่งได้แก่
- ให้มาตรวจในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน ยกเว้นคนที่มีเลือดออกกะปริบกะปรอยตลอดเดือน
- งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย 1 วันก่อนมาตรวจ
- งดการใช้ยาสอดหรือยาเหน็บอวัยวะเพศต่างๆ ในวันก่อนมาตรวจ
- ในวันตรวจ ควรสวมเสื้อผ้าที่ช่วงล่างถอดหรือเปิดง่าย เช่น กระโปรงทรงบาน ควรงดการสวมเสื้อผ้าที่ถอดยาก เช่น กางเกงหรือกระโปรงรัดรูป ชุดเอี๊ยม ชุดจัมท์สูทกางเกง
- ก่อนตรวจให้ทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอก (ห้ามสวนล้างภายใน) และปัสสาวะให้เรียบร้อย
- เตรียมการตอบคำถามจากแพทย์หรือพยาบาลด้วย เช่น ประวัติการมีบุตร ประวัติการแท้ง การคุมกำเนิด และปัญหาสุขภาพต่างๆ
หลังการตรวจภายในควรทำอย่างไร?
การตรวจภายในไม่มีผลข้างเคียงอะไรมากนัก ยกเว้นอาการเจ็บนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งหายได้เองอย่างรวดเร็ว ผู้เข้าตรวจจึงสามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมได้ตามปกติ
ส่วนผลการตรวจโดยทั่วไปมักทราบผลภายในวันตรวจ ยกเว้นการตรวจ Pap smear ที่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ไปตรวจ ซึ่งแพทย์จะนัดมาฟังผลภายหลัง
บทความที่เกี่ยวข้อง
การตรวจภายใน Pelvic Exams
รีวิว ตรวจภายใน คัดกรองมะเร็งปากมดลูก ThinPrep ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 | HDmall
ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ไม่เจ็บอย่างที่คิด | HDmall
รีวิวตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ตรวจหาเชื้อ HPV และอัลตราซาวด์หาเนื้องอกมดลูกและรังไข่ ที่โรงพยาบาลพญาไท 3 | HDmall