การตรวจคอลโปสคอปี (Colposcopy) เป็นการตรวจปากมดลูก ช่องคลอดและอวัยวะเพศภายนอกของผู้หญิงเพื่อช่วยในการวินิจฉัย โดยการตรวจนี้จะเป็นการขยายภาพบริเวณดังกล่าวให้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้แพทย์สามารถระบุเนื้อเยื่อที่เป็นปัญหาและอาจเกิดโรคได้ โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูก ซึ่งแพทย์มักทำการตรวจคอลโปสคอปี หากผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น
นอกจากนี้ แพทย์อาจตรวจคอลโปสคอปีในผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ปวดและมีเลือดออกบริเวณปากมดลูก ช่องคลอด และอวัยวะเพศภายนอก
- ปากมดลูกอักเสบ
- มีเนื้องอก
- หูดที่อวัยวะเพศหรือการติดเชื้อ HPV
- มะเร็งในอวัยวะเพศหญิงหรือช่องคลอด
การตรวจคอลโปสคอปี
การทำหัตถการนี้ ไม่ควรทำขณะที่มีประจำเดือนมามาก และอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนตรวจ ก็ไม่ควรทำสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
- สวนล้างช่องคลอด
- ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ใดใส่เข้าไปในช่องคลอด
- มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด
- ใช้ยาเหน็บช่องคลอด
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดก่อนจะทำการตรวจ เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อป้องกันอาการเจ็บปวดและความไม่สบายตัว
การตรวจนี้เริ่มต้นด้วยการให้ผู้เข้ารับการตรวจนอนบนขาหยั่งเหมือนการตรวจภายในทั่วไป ก่อนจะใส่เครื่องมือถ่างขยายเข้าไปในช่องคลอด เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดขึ้น จากนั้นจะมีการใช้ไอโอดีนหรือสารละลายที่มีลักษณะคล้ายน้ำส้มสายชูทาบริเวณช่องคลอดและปากมดลูก เพื่อทำความสะอาดมูกที่อยู่บริเวณผิวของพื้นที่เหล่านี้ และทำให้เห็นเนื้อเยื่อที่สงสัยว่าผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น
แพทย์ใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่าคอลโปสโคป (Colposcope) ใส่เข้าไปใกล้กับทางเข้าช่องคลอด และจะส่องไฟผ่านเข้าไปในนั้นและมองผ่านกล้อง หากพบเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ก็อาจมีการตัดชิ้นเนื้อเล็กๆ บริเวณดังกล่าวออกมาจากช่องคลอด หรือปากมดลูกด้วยเครื่องมือ บางครั้งแพทย์อาจเก็บตัวอย่างของเซลล์จากปากมดลูกได้มากขึ้นโดยการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Curet
ความเสี่ยงในการตรวจคอลโปสคอปี
โดยปกติแล้วการตรวจนี้มักไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่สบายตัว แต่ก็อาจมีผู้เข้ารับการตรวจบางคนที่รู้สึกแสบจากการใช้สารละลายที่มีฤทธิ์คล้ายน้ำส้มสายชูได้บ้าง
ในกรณีที่แพทย์ตัดชิ้นเนื้อที่ปากมดลูกหรือปากช่องคลอดไปด้วย ก็อาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
- ปวดบริเวณที่ถูกตัดชิ้นเนื้อ มักจะเป็นในช่วง 1-2 วันแรก
- มีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย หรือมีตกขาวที่สีเข้มขึ้น ซึ่งสามารถเป็นได้นาน 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม การตรวจนี้ไม่ต้องใช้เวลาฟื้นตัว เว้นแต่จะมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งในกรณีนี้อาจจะต้องมีการกำจัดกิจกรรมที่ทำ ขณะที่รอให้ปากมดลูกมีการฟื้นตัว เช่น ไม่ใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ไม่สวนล้างช่องคลอด และไม่มีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด เป็นต้น
หากมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดมาก ปวดท้องน้อยมาก และมีไข้หรือหนาวสั่น ให้รีบกลับไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อภายในมดลูกหรือช่องคลอด