ชายชราวัย 250 ปี ... สองร้อย ... เดี๋ยวก่อนนะ สองร้อยห้าสิบปี!? พูดเป็นเล่น สงสัยหูคงฝาดแหง ๆ คนจริง ๆ หรือตัวละครในนิทานจำพวกมนุษย์อมตะอะไรเทือก ๆ นั้นกันแน่? คนปกติที่ไหนจะอายุ 250 ปี ใครจะไปเชื่อลง ...
หลังจากอ่านพาดหัวแล้ว เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนคงมีคำถามผุดขึ้นในใจเช่นนี้กันถ้วนหน้า เพราะความเชื่อที่ผ่านมาของมนุษย์เรามองว่า เฉลี่ยอายุขัยของมนุษย์มักอยู่ที่ 60-70 ปี ผู้ใหญ่มักแซวกันเล่น ๆ ว่า ใครที่มีอยู่อายุผ่านเลยมาถึง 50 ปีขึ้นไปได้นั้น ก็นับว่าใช้ชีวิตมาเกินครึ่งชีวิตแล้ว และแน่นอนล่ะว่า บันทึกสถิติทั้งหลายของโลกเราก็มักจะเสาะหาบุคคลที่มีอายุยืนยาว ร้อยปีขึ้นไปบ้างล่ะ บ้างก็ร้อยยี่สิบปีขึ้นไปบ้างล่ะ จากประเทศนั้นทีประเทศนู้นที แข่งขันประชันความเป็นอมตะกันสุด ๆ ซึ่งก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยทีเดียวจนเราชักเริ่มจะชินแล้วว่า อายุร้อยปีขึ้นไปเห็นทีจะเป็นเรื่องปกติเสียแล้ว แต่เดี๋ยวก่อน ... ชายคนล่าสุดที่หลาย ๆ คนพูดถึงกันนั้น ไม่ได้ใกล้เคียงเลข 100 แต่อย่างใด แต่อายุของเขาทะลุไปจนถึง 250 ปีกว่าแล้วต่างหาก! ฟังไม่ผิดหรอก!
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
Li Ching Yuen ชายชาวจีนวัย 256 ปีซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาในข่าวหลายสำนักอยู่ขณะนี้ ย้อนไทม์แมชชีนกลับไปเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน สมัยเขามีอายุได้ 10 ขวบ เขามีอาชีพเป็นผู้หาสมุนไพร รวบรวมสมุนไพรจากภูเขาลำเนาไพรและเรียนรู้ถึงสรรพคุณของมัน ต่อมา เมื่อเขาอายุได้เกือบ 40 ปี เขามีชีวิตอยู่รอดด้วยสมุนไพรจำพวก เห็ดหลินจือ โกจิเบอร์รี่ โสมป่า สมุนไพรโชวู ใบบัวบก และไวน์ข้าว (สาเกชนิดหนึ่ง) และเมื่อเขามีอายุได้ 71 ปี เขากลายมาเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัว และนอกจากนี้ ชายชราคนนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นชายหนุ่มมากรักอีกด้วย เพราะเขาแต่งงานมากถึง 23 ครั้ง และมีลูกมากกว่า 200 คน! คุณพระ! จะอิจฉาหรือจะปวดหัวแทนดีนะ และในช่วงชีวิตหนึ่งร้อยปีแรกของเขา เขาใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับสมุนไพร กล่าวคือ เขาเดินทางไปหลากหลายแห่ง เช่น มณฑลกันซู่ มณฑลส่านซี ทิเบต มณฑลอันนัม แมนจู รวมไปถึงสยามประเทศเราด้วย ซึ่งเขาเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อเก็บรวบรวมสมุนไพรนั่นเอง
ร่ายประวัติกันมาพอหอมปากหอมคอ หลายคนคงชักสงสัยแล้วสิว่า อะไรคือเคล็ดลับอายุยืนที่แท้จริงกันแน่ คงไม่ใช่น้ำอมฤตแบบในเทพนิยายหรอกนะ ซึ่งในวันนี้ เราจะได้รู้ถึงเคล็ด(ไม่)ลับจากหนึ่งในลูกศิษย์ของคุณ Li Ching Yuen ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งลูกศิษย์เผยว่า เคล็ดลับสำคัญ คือ การออกกำลังกายที่เรียกว่าจี้กง ควบคู่ไปกับการดูแลเรื่องอาหารการกินนั่นเอง สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ Li Ching Yuen มีชีวิตยาวนานยิ่งกว่ายอดมนุษย์เสียอีก และอีกคติสำคัญที่คุณ Li Ching Yuen ยึดถือและปฏิบัติเสมอมา คือ “ฉันได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันควรจะทำบนโลกใบนี้แล้ว” สรุปง่าย ๆ ได้ว่า เขากินดี (รู้จักเลือกกิน) เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเขาได้ลงมือทำในสิ่งที่เขาอยากทำ ฉะนั้นแล้ว จะยารักษาโรคชั้นเลิศ จะอุปกรณ์รักษาทางการแพทย์ชั้นดี จะคลื่นรังสีอินฟาเรดล้ำเทคโนโลยีแค่ไหน ก็เอาชนะการดูแลตนเองอย่างพิถีพิถันเช่นนี้ไม่ได้หรอก
คุณ Li Ching Yuen ยังเผยเคล็ด(ไม่)ลับสำคัญอีกหนึ่งสิ่งด้วยว่า เทคนิคการหายใจ อีกหนึ่งเรื่องธรรมดาทั่วไปที่คนมองข้าม นับเป็นสิ่งที่ต่ออายุของเขาให้ยาวนานได้ถึงเพียงนี้ นอกจากนี้ เขายังเสริมอีกว่า น่าประหลาดใจนักที่การรู้จักสติอารมณ์ของตัวเอง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขามีชีวิตที่ยืนยาวเช่นนี้
ดังที่เกริ่นไว้ว่า คงเป็นเรื่องยากหากจะเชื่อว่าชายคนนี้มีอายุถึง 250 ปี อย่างไรก็ตาม จากการเรียนรู้และสัมผัสถึงวิถีชีวิต หรือเรียกง่าย ๆ ว่าไลฟ์สไตล์ของเขาแล้ว ทำให้เราเห็นว่า น่าจะมีความเป็นไปได้สูงขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์จริง ๆ นั่นแหละ เนื่องจากหากลองเปรียบเทียบไลฟ์สไตล์ของคนยุคสมัยนี้ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบในเมืองกรุงกับคนยุคก่อนแล้ว มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ ไหนจะมลภาวะทางอากาศ ทางน้ำ ทางเสียง ไหนจะอาหารการกินที่ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็มีแต่อาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป พืชผักดัดแปลงพันธุกรรม เนื้อแดง (จากการฉีดสารเร่ง) ผงชูรส สารตกค้าง สารพัดจะพรรณนา หรือจะบรรดาของหวาน อาหารขยะ อาหารจานด่วน แถมมนุษย์ยังไม่วายอัดแอลกอฮอลล์และบุหรี่เข้าสู่ร่างกายอีกต่างหาก ถ้าอายุจะไม่ยืนยาวเท่าคนสมัยก่อนก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะไลฟ์สไตล์ต่างกันเสียขนาดนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเจริญก้าวหน้าของเมืองใหญ่และพัฒนาการของอุตสาหกรรมทางอาหารต่าง ๆ เอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ก็จริง แต่นั่นย่อมมาพร้อมกับมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ท่อไอเสียรถยนต์ รวมไปถึงสารเคมีต่าง ๆ ในอาหารจานสะดวกฉบับเร่งรัดของมนุษย์เงินเดือน (รวมไปถึงนักเรียนนักศึกษา) อีกทั้งยังอบายมุข ของมึนเมา และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากเรื่องกายภาพข้างต้นแล้ว เรื่องทางจิตใจก็มีผลเช่นเดียวกัน ทุกวันนี้ มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างเคร่งเครียด ดำเนินชีวิตเพื่อมุ่งหวังหารายได้ให้แก่ตัวเองเยอะ ๆ จนลืมความสุขทางใจไปเสีย หลายคนลืมหาเวลาพักผ่อนให้แก่ตนเอง ห่างไกลธรรมชาติ ละเลยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญยิ่งอย่างการฝึกสมาธิและการฝึกหายใจ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานที่ดีของระบบภายในร่างกาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องยอมรับว่า เราเกิดมาในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จะให้เราย้อนเวลากลับไปใช้ชีวิตแบบสมัยที่มีแต่ป่าเขา ทุ่งหญ้าใบเขียว ล่าสัตว์ เก็บพืชผักสมุนไพร ฝึกฝนศิลปะป้องกันตัว หรือฝึกสมาธิไปวัน ๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะปัจจุบัน เราต้องดำเนินชีวิตไปตามวิถีคนกรุง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกินอยู่ การเดินทาง การเรียน อาชีพ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ ... หนีอย่างไรก็คงยากที่จะหนีพ้น
ดังนั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เราทำได้อย่างมากที่สุด คือ Take some vacation ให้แก่ชีวิตของเราเสียบ้าง ให้ร่างกายได้พักผ่อน ให้จิตใจได้พักเหนื่อย ให้สมองได้มีเวลาทบทวน เริ่มปรับปรุงไลฟ์สไตล์ของเราทีละนิดทีละหน่อย (อย่างไม่ฝืนตัวเองจนเกินไป) ตื่นแต่เช้าตรู่ ทานมื้อเช้าแบบฉบับง่าย ๆ แต่มีประโยชน์ แบ่งเวลาออกกำลังกาย ลดของหวาน ละอบายมุขและของมึนเมาทั้งหลาย ทำจิตใจเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสไร้กังวล ส่วนเรื่องเครียดบางเรื่องก็ขอจงวางไว้บ้าง จากนั้น ขอให้เข้านอนแต่หัววันด้วยจิตใจสงบไม่ว้าวุ่น ค่อย ๆ ลองสิ่งเหล่านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ลองสิ ... ไม่ต้องอายุยืนเหมือนคุณ Li Ching Yuen หรอก ... ขอแค่มีความสุขวันละนิดในแบบของเรา เท่านั้นพอ
