การทำดีท็อกซ์ (Detox) เป็นหนึ่งในวิธีล้างสารพิษออกจากร่างกายที่ผู้คนนิยมทำกันในสมัยนี้
การทำดีท็อกซ์สามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่นิยมทำกัน คือ การสวนล้างลำไส้ การรับประทานอาหารที่กระตุ้นระบบเผาผลาญและระบบขับถ่าย และการอดอาหาร
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อย่างไรก็ตามควรศึกษาข้อมูลต่างๆ เช่น วิธีการทำดีท็อกซ์ที่ถูกต้อง หรือข้อควรระวังในการทำดีท็อกซ์ ก่อนทำดีท็อกซ์ เพื่อความปลอดภัยในการกำจัดสารพิษ โดยในบทความนี้จะเน้นไปที่การทำดีท็อกซ์ด้วยการรับประทานอาหาร
5 ข้อควรรู้ก่อนทำดีท็อกซ์ด้วยวิธีการรับประทานอาหาร
1. ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร
การปรับเปลี่ยนการรับประอาหารทันที อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันจนทำให้เกิดอาการผิดปกติได้ เช่น เวียนศีรษะ ท้องอืด หรือท้องผูก
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการดังกล่าว แนะนำให้ค่อยๆ ลดปริมาณการรับประทานอาหารกลุ่มที่ต้องการดีท็อกซ์ทีละนิด ในช่วงระยะเวลา 3-5 วัน โดยเฉพาะอาหารที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ น้ำตาล น้ำตาลเทียม หรือไขมันทรานซ์
ในระหว่างนั้นให้เพิ่มการรับประทานอาหารประเภทผักสด หรือผักนึ่งพอสุกเข้าไปแทน
2. ป้องกันอาการขาดคาเฟอีนด้วยการดื่มชาแทนกาแฟ
ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ อาจมีอาการปวดศีรษะ เพลีย หรืออาการผิดปกติอื่นๆ จากการขาดคาเฟอีนได้ เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ค่อยๆ ลดปริมาณคาเฟอีนลง ก่อนเริ่มต้นการทำดีท็อกซ์
- ค่อยๆ เปลี่ยนไปดื่มกาแฟชนิดที่มีคาเฟอีนต่ำ (Decaffeinated coffee) เช่น ผสมกาแฟปกติ 75% กับกาแฟชนิดคาเฟอีนต่ำ 25% แล้วค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของกาแฟคาเฟอีนต่ำจนแทนกาแฟปกติได้ในที่สุด
- เปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีคาเฟอีนต่ำ เช่น ชาเขียว ชาขาว ชามัทฉะ หรือชาอู่หลง
- หากยังติดรสขมของกาแฟ อาจลองเปลี่ยนไปดื่มกาแฟสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีนได้
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
น้ำ เป็นองค์ประกอบหลักของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้มีอาการท้องผูก เกิดสิวเสี้ยวบนผิวหน้า ผิวหนังแห้ง เหี่ยวย่น ปากแห้ง และเกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะได้
ดังนั้นในช่วงที่ต้องการทำดีท็อกซ์ ก็ควรเริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้การกำจัดของเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยร่างกายจะกำจัดของเสียออกทางปัสสาวะนั่นเอง
ปริมาณที่แนะนำในการดื่มน้ำต่อวันคือ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือใช้สูตรในการคำนวณง่ายๆ โดยการใช้น้ำหนักตัว (กก.) /30 เท่ากับจำนวนลิตรต่อวัน
4. เตรียมตัวช่วยในการล้างพิษ
ร่างกายสามารถกำจัดสารพิษออกทางผิวหนังได้ การทำสปาผิว ขัดผิว หรืออบสมุนไพร จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการกำจัดสารพิษให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และเพื่อเพิ่มความผ่อนคลายในระหว่างการกำจัดสารพิษ แนะนำให้ใส่น้ำมันหอมระเหยในอ่างอาบน้ำ หรือนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย เช่น น้ำมันดอกลาเวนเดอร์ (Lavender oil) ที่มีสรรพคุณช่วยให้สงบ และลดอาการปวดศีรษะจากการขาดคาเฟอีนได้
5. รู้ว่าสิ่งใดห้ามหยุด
ห้ามหยุดยาใดๆ ระหว่างการดีท็อกซ์ด้วยการรับประทานอาหาร เพราะการหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่อง เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคความดันโลหิตสูง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำดีท็อกซ์
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระบบการทำงานในร่างกาย การรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ หลากหลาย มีผักสดและผลไม้มากๆ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือไขมันสูง ก็นับได้ว่าเป็นการดีท็อกซ์ร่างกายแล้ว
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจทำดีท็อกซ์ด้วยวิธีการสวนล้างลำไส้ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android