อาการนอนไม่หลับ (insomnia) เป็นอาการที่มีลักษณะของการนอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิทหรือไม่หลับไม่เพียงพออันเป็นผลจากการขาดการนอนหลับ จากเกณฑ์การวินิจฉัยของ DSM-IV อาการนอนไม่หลับมีความเกี่ยวข้องกับความไม่พึงปรารถนาของปริมาณในการนอน คุณภาพในการนอนหรือเวลาในการนอนอย่างน้อย 3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ
อาการนอนไม่หลับมักถูกแบ่งออกเป็น อาการนอนไม่หลับแบบปฐมภูมิและแบบทุติยภูมิ
ตรวจการนอน Sleep Test วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,455 บาท ลดสูงสุด 50%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- อาการนอนไม่หลับแบบปฐมภูมิ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอาการนอนไม่หลับอันเป็นผลมาจากปัจจัยทางจิต มักถูกวินิจฉัยหลังจากคนไข้แสดงอาการของความผิดปกติทางจิต และมักถูกวินิจฉัยจากอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรงและมีความคิดที่เป็นผลเสียต่อตนเองซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับการไม่สามารถนอนหลับได้ตามปกติ คนไข้ที่มีอาการนอนไม่หลับแบบปฐมภูมิมักพบว่าสามารถนอนหลับได้ง่ายในเวลาที่ไม่ใช่เวลานอนแบบไม่ตั้งใจ หรือเมื่อหลับในสถานที่ที่มิใช่บ้าน อาการนอนไม่หลับปฐมภูมิแบบเรื้อรังมักถูกให้นิยามว่าเป็นกลุ่มอาการที่สามารถเริ่มหลับได้ยาก หรือมีความยากลำบากในการหลับลึก เป็นระยะเวลามากกว่า 1 เดือนซึ่งทำให้เกิดความบกพร่องทางสังคม การทำงานและรูปแบบการทำงานอื่นๆ
- อาการนอนไม่หลับแบบทุติยภูมิ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Extrinsic Insomnia มักเป็นอาการนอนไม่หลับอันเป็นผลมาจากปัจจัยทางร่างกาย เช่น จากอาการเจ็บปวด การหยุดดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นปัจจัยทางด้านจิตใจ เช่น จากโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า มักปรากฎอาการในระยะสั้นๆ ซึ่งมักเป็นผลจากความเครียดแบบฉับพลัน อาการป่วยแบบฉับพลัน อาการเจ็ทแลค อาการนอนไม่หลับประเภทนี้มักจะหายได้ภายใน 2 – 3 สัปดาห์หากมีอาการนานกว่านี้จะถูกพิจารณาให้เป็นอาการนอนไม่หลับเรื้อรังซึ่งมักมีสาเหตุแตกต่างออกไป
อาการนอนไม่หลับประเภทอื่น ได้แก่ อาการนอนไม่หลับจากความกดอากาศ อาการนอนไม่หลับจากการใช้ยาและแอลกอฮอร์ อาการนอนไม่หลับจากสภาพแวดล้อมและอาการนอนไม่หลับจากปัจจัยด้านสุขอนามัย
สัญญาณการเกิด
ผู้ป่วยมีความทุกข์จากอาการเหนื่อยล้าในตอนกลางวัน มีความยากลำบากในการจดจ่อกับสิ่งต่างๆ มีความยากลำบากในการอดกลั้นกับปัจจัยก่อกวน และมีปัญหาด้านความจำเล็กน้อย
การรักษาอาการนอนไม่หลับด้วยการไม่ใช้ยา
ภายหลังจากการถูกวินิจฉัยว่ามีอาการนอนไม่หลับและทำการศึกษาถึงปัจจัยที่ทำให้คนไข้นอนไม่หลับแล้ว เป้าหมายหลักของการรักาคือการป้องกันการเกิดอาการนอนไม่หลับแบบเรื้อรังรวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยใช้วิธีการให้การศึกษากับผู้ป่วยรวมถึงการปรับพฤติกรรมโดยมักมีการตั้งเป้าหมายระยะยาวอย่างเป็นระบบเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยประสบความสำเร็จในการรักษาได้ โดยวิธีการรักษาอาการนอนไม่หลับโดยไม่ใช้ยามีดังนี้คือ
การกำจัดปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการนอนไม่หลับ การสร้างสุขภาวะทางการนอนหลับโดยการแนะนำให้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญก่อนนอน หลีกเลี่ยงคาเฟอีน บุหรี่และแอลกอฮอล์ ลดการดื่มน้ำในช่วงเย็น หลีกเลี่ยงแสงสว่างในขณะที่ทำการนอนหลับ
ใช้การกระตุ้นเพื่อให้เกิดการนอนหลับที่มีคุณภาพ อันได้แก่ การกำหนดเวลาหลับและตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันแม้กระทั่งในช่วงวันหยุด กำหนดให้มีการตื่นเวลาเดิมแม้จะเริ่มนอนหลับในเวลาที่แตกต่างกัน หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมบนเตียง หลีกเลี่ยงการดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือบนเตียง หลีกเลี่ยงการบังคับให้ตนเองหลับ หากไม่หลับภายใน 20 – 30 นาทีให้ออกจากห้องนอนและทำกิจกรรอื่นๆที่ผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือหรือฟังเพลง และหลีกเลี่ยงการนอนหลับในตอนกลางวัน
การรักษาอาการนอนไม่หลับด้วยการใช้ยา
หากการรักษาอาการนอนไม่หลับด้วยการไม่ใช้ยาไม่ได้ผล การใช้ยาจึงเป็นวิธีที่พึงกระทำต่อไปโดยยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการนอนไม่หลับโดยทั่วไปมีดังนี้
การใช้ยาในกลุ่ม antihistamine ซึ่งมีข้อบ่งใช้เป็นยาแก้แพ้และป้องกันอาการเมารถ เมาเรือ มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้ โดยขนาดใช้เพื่อผลในการบรรเทาอาการนอนไม่หลับคือ 25 – 50 มิลลิกรัมdiphenhydramine หรือ 25 มิลลิกรัม doxylamine ก่อนนอน ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์ และไม่ควรใช้ doxylamine ในสตรีมีครรภ์ ในระหว่างให้นมบุตรหรือในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี นอกจากนี้การใช้ยาในกลุ่ม antihistamine จะต้องเป็นยาในกลุ่ม 1st generation เท่านั้น หากเป็นยาในกลุ่ม 2nd generation จะทำให้ผลการรักษาไม่ประสบผลสำเร็จได้ การใช้ melatonin ซึ่งเป็นฮอร์โมนซึ่งช่วยควบคุมการทำงานของ circadian system ในเรื่องวงจรการตื่นและหลับสามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้ แม้ว่ากลไกการทำงานของ melatonin ที่มีต่อการบรรเทาอาการนอนไม่หลับจะยังไม่แน่ชัด แต่ก็มีการวิจัยที่บ่งชี้ว่า melatonin อาจก่อให้เกิด hypnotic effect ซึ่งจะทำให้เกิดการ resynchronization ของ circadian system ได้ มีข้อบ่งใช้ของ melatonin คือ เป็นอาหารเสริมแต่มักจะไม่พบในร้านขายยาทั่วไปเนื่องจาก melatonin ไม่ได้รับการรับรองจาก FDA ถึงผลด้านการบรรเทาอาการนอนไม่หลับ และไม่มีขนาดใช้ที่ชัดเจน