ส่าไข้ (หรือไข้ผื่นกุหลาบ) เป็นการติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ส่วนใหญ่แล้วจะพบในเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 3 ปี พบได้บ่อยแค่ไหนน่ะหรือ ? เป็นที่คาดกันว่ากว่า 25% ของการไปพบแพทย์ฉุกเฉินด้วยเรื่องไข้ในเด็กเล็กมีสาเหตุมาจากส่าไข้
อาการของส่าไข้
เด็กที่เป็นส่าไข้มักมีเพียงอาการไข้สูง โดยมักสูงถึง 104 ฟาเรนไฮต์ (40 เซลเซียส) และประมาณสามถึงสี่วันต่อมาหลังจากที่ไข้ลงแล้ว เด็กจะมีผื่นนูนแดงทั่วตัว ผื่นนี้มักคงอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน และที่ต่างจากผื่นอื่น ๆ ในเด็กคือ ผื่นของส่าไข้จะไม่มีอาการคัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เด็กบางคนที่ติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดส่าไข้จะมีอาการของการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ ที่พบได้บ่อยด้วย เช่น อาการน้ำมูกไหล ไอ ต่อมน้ำเหลืองโต กระสับกระส่าย และท้องเสีย อาการและอาการอื่น ๆ อาจรวมถึงอาการชักจากไข้และกระหม่อม(ส่วนที่นุ่มบนศีรษะ-fontanelle) โป่ง เด็กบางคนที่เป็นส่าไข้จะมีตุ่มแดงที่เพดานอ่อนของปากหรือที่โคนลิ้นไก่ (Nagayama’s spot) ร่วมด้วย
สิ่งที่พบได้บ่อยกว่าคือการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการส่าไข้โดยที่ไม่มีอาการใด ๆ โดยทาง AMA รายงานว่าประมาณสองในสามของเด็กที่ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการใด ๆ
ผื่นส่าไข้
นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าผื่นส่าไข้มักเริ่มขึ้นหลังจากไข้ลงแล้ว ยังมีลักษณะอื่น ๆ ที่ควรมองหาเพื่อให้คุณรู้ว่าผื่นนั้นเป็นผื่นส่าไข้จริงๆ ผื่นส่าไข้มักเริ่มขึ้นที่ลำตัวและหลังของเด็ก หลังจากนั้นจะลามไปที่ใบหน้า แขน และขา ผื่นมักจะได้รับการบรรยายว่าดูเหมือนจุดเล็ก ๆ สีชมพูหรือแดงซึ่งบางครั้งอาจรวมกันจนเป็นปื้นใหญ่ได้
การวินิจฉัยส่าไข้
เมื่อเด็กที่ติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดส่าไข้เพิ่งจะมีไข้ ก็อาจวินิจฉัยได้ยาก คุณจะสามารถวินิจฉัยได้ก็ต่อเมื่อขึ้นผื่นที่มีรูปแบบจำเพาะหลังจากไข้ลงแล้ว และถึงตอนนั้น เด็กก็มีอาการดีขึ้นแล้ว
ถึงแม้จะเป็นเรื่องง่ายที่จะสงสัยว่าเด็กเล็กที่มีไข้จะเป็นส่าไข้ แต่ให้เตือนตนเองไว้เสมอว่าการติดเชื้ออื่น ๆ ก็ทำให้มีไข้ได้เช่นกัน อาจต้องตรวจเพาะเชื้อจากเลือดและปัสสาวะเพื่อแยกการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะซึ่งร้ายแรงกว่าออกไปก่อน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ถึงแม้ว่ากุมารแพทย์จะสงสัยว่าเป็นโรคส่าไข้อยู่แล้วก็ตาม
ไม่มีการตรวจจำเพาะสำหรับการวินิจฉัยส่าไข้ แต่การตรวจนับเม็ดเลือดก็อาจแสดงให้เห็นเม็ดเลือดขาวที่ลดต่ำลง (leukopenia)
การรักษาส่าไข้
ไม่มีการรักษาจำเพาะสำหรับโรคนี้ และเด็กส่วนใหญ่ก็ฟื้นตัวได้เองโดยไม่มีปัญหาใด ๆ ยาลดไข้ เช่น acetaminophen หรือ ibuprofen จะเป็นประโยชน์เมื่อลูกของคุณมีไข้
คุณต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับส่าไข้
สิ่งอื่น ๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับส่าไข้ ได้แก่
- คุณควรติดต่อกุมารแพทย์เมื่อลูกเล็กของคุณเป็นไข้ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย
- ส่าไข้ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า exanthema subitum (sixth disase) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส HHV-6 (human herpesvirus 6) และยังคาดว่าเชื้อ HHV-7 ก็น่าจะทำให้เกิดส่าไข้ได้เช่นกัน
- มีการบรรยายผื่นส่าไข้ที่รู้จักกันดีว่าเป็น “ผื่นกุหลาบ” เนื่องจากเกิดขึ้นทันทีบนร่างของเด็ก
- ส่าไข้ต่างจากการติดเชื้ออื่น ๆ ในเด็กคือไม่สัมพันธ์กับฤดู ดังนั้นเด็กจึงติดเชื้อนี้ได้ตลอดทั้งปี และไม่ได้ติดต่อได้ง่าย ถึงแม้บางคนจะเชื่อว่าเชื้อไวรัสสามารถส่งต่อผ่านทางสารคัดหลั่งในทางเดินหายใจและน้ำลายเมื่อพวกเขามีไข้ ส่วนบางคนคิดว่าเด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อจากผู้ที่ไม่มีอาการ (มักเป็นสมาชิกในครอบครัว) อย่างไรก็ตาม การระบาดนั้นพบได้ยาก
- ถึงแม้ว่าลูกของคุณจะไม่สามารถไปที่ศูนย์ดูแลเด็กในช่วงที่มีไข้ได้ แต่อ้างอิงจากทาง CDC “เด็กที่มีผื่นโดยที่ไม่มีไข้สามารถกลับไปที่ศูนย์ดูแลเด็กได้”
- คาดว่าประมาณ 1/3 ของอาการชักจากไข้ในเด็กเล็กมีสาเหตุมาจากไวรัสที่ทำให้เกิดโรคส่าไข้
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนมักได้รับภูมิคุ้มกันการติดส่าไข้จากแอนติบอดีของแม่ และเด็กที่มีอายุมากกว่า 2-3 ปี ก็มักมีภูมิคุ้มกันแล้ว กลุ่มที่อันตรายที่สุดคือผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน
ลูกของคุณเคยเป็นส่าไข้แล้วหรือยัง ?