ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์ (Non-alcoholic fatty liver disease หรือ NAFLD) พบมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากอัตราภาวะอ้วนที่เพิ่มมากขึ้นในรอบสามปีที่ผ่านมา
ในประเทศอุตสาหกรรม กว่า 20-49% ของประชากรเป็นโรคไขมันพอกตับ และมีโอกาสที่โรคจะดำเนินต่อไปเมื่ออายุสูงขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์เริ่มเป็นที่รู้จักกันตั้งแต่ยุคปี 1980 แต่ยังเป็นที่สับสนกันในหมู่วงการแพทย์ ผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนและผู้ป่วยเบาหวานมีระดับเอนไซม์ตับสูงกว่าปกติ และมีภาวะตับโตคล้ายกับผู้ป่วยที่ติดสุรา แต่ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
หน้าที่ของตับโดยพื้นฐาน
ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่กว่าหลายร้อยอย่างด้วยกัน ดังนี้
- จัดการกับทุกอย่างที่คุณกินและดื่ม
- กำจัดสารพิษออกจากเลือด
- ต่อสู้กับการติดเชื้อ
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนและโปรตีน
การมีไขมันในร่างกายมากเกินไปนำมาสู่ปัญหาที่รุนแรงได้
สภาวะปกติ ตับมีน้ำหนักประมาณ 3 ปอนด์ ซึ่งหากคุณมีไขมันมากกว่า 5-10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตับ แสดงว่าคุณมีภาวะไขมันพอกตับ เมื่อคุณมีไขมันที่ตับมากเกินไปหรือไขมันพอกตับที่เรียกว่า steatosis นั้น อาจไม่ทำให้เกิดปัญหาในบางคน แต่ก็สามารถเกิดอาการได้เนื่องจากทำให้การทำงานของตับเสียไป เช่น
ภาวะอักเสบที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่ตับนั้นเป็นเครื่องหมายแสดงว่าตับคุณได้รับบาดเจ็บอย่างมากจนเข้าสู่ระยะของไขมันพอกตับชนิดลุกลาม ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะตับแข็งได้ เมื่อตับของคุณถูกทำลาย ร่างกายจึงพยายามสร้างคอลลาเจนเพื่อซ่อมแซม ทำให้เกิดเนื้อเยื่อตับหนาตัวขึ้นกลายเป็นพังผืด
ซึ่งเมื่อคุณมีภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอลล์แล้ว พบว่า 10% ของผู้ป่วยเหล่านี้จะสามารถกลายเป็นโรคตับอักเสบจากไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า nonalcoholic steatohepatitis (NASH) ได้ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและรุนแรงต่อชีวิต
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
NASH สามารถทำให้เกิด
การวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับ
ในการวินิจฉัยโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์อย่างแม่นยำนั้นทำเพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง เพราะเป็นภาวะที่อันตรายต่อชีวิต แพทย์จะวินิจฉัยโดยวิธีการดังนี้
- ตรวจวัดระดับเอนไซม์ตับว่าสูงขึ้นหรือไม่
- ตรวจดูว่ามีตับโตหรือไม่จากการทำอัลตราซาวน์
- ตัดชิ้นเนื้อตับเพื่อดูว่าคุณมีภาวะตับอักเสบจากไขมันพอกตับ หรือไขมันพอกตับชนิดธรรมดา
ลักษณะที่พบบ่อยในผู้ป่วย ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าภาวะ NAFLD นั้นเกิดได้อย่างไร แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีภาวะดังต่อไปนี้ก่อนหน้าที่จะเป็นโรค เช่น
- ภาวะอ้วน
- เบาหวานชนิด 2
- มีโรคทางกลุ่มอาการ metabolic
ซึ่งความรุนแรงของ NAFLD นั้นเพิ่มขึ้นตามระดับความอ้วน, ระดับไขมันบริเวณหน้าท้อง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิด NASH มากขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นจะมีค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติก็ตาม
ภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์และมื้ออาหารของคุณ
สิ่งที่คุณกินและสารอาหารต่าง ๆ จะนำไปสู่จุดเริ่มต้น, การดำเนินโรค และการรักษา NAFLD เนื่องจากปัจจัยจากอาหารสามารถเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น หากรับประทานอาหารดังต่อไปนี้
- อาหารที่มีแคลอรี่สูง
- อาหารที่มีไขมันชนิดทรานซ์สูง
- รับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ซึ่งส่งผลให้มีระดับไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง
- เครื่องดื่มที่มีรสหวานซึ่งมีน้ำตาลฟรัคโตสเป็นส่วนประกอบ
- อาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด NAFLD มีดังนี้
- อาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ
- รับประทานโปรตีนที่ได้จากธัญพืช หรือผักแทนการรับประทานเนื้อสัตว์หรือชีส
- ลดน้ำหนัก 3-10%ของน้ำหนักตัว
- รับประทานไฟเบอร์, ชาเขียว และกาแฟ