ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Pleurisy) คือภาวะอักเสบที่เยื่อรอบนอกของปอด (pleura) ที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ คล้ายกระดาษ
อาการทั่วไปของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบคืออาการเจ็บแปลบที่หน้าอกขณะหายใจลึก ๆ บางครั้งอาการเจ็บแปลบนี้ก็อาจจะแล่นขึ้นไปถึงหัวไหล่เลยก็เป็นได้
ตรวจปอด วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 290 บาท ลดสูงสุด 64%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการเจ็บปวดมักจะรุนแรงขึ้นขณะที่คุณไอ จาม หรือเคลื่อนไหวร่างกาย และสามารถบรรเทาได้ด้วยการหายใจแบบเร็ว ตื้น และเบา (shallow breaths)
อาการอื่น ๆ ของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบมีทั้งหายใจติดขัด และไอแห้ง
หากคุณมีอาการดังกล่าวไป ควรเข้าพบแพทย์ และควรไปอย่างเร่งด่วนหากว่ามีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อมีอาการอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวไป เช่นไอเลือด คลื่นไส้ หรือเหงื่อออกมาก
ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?
ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบสามารถวินิจฉัยได้จากการสังเกตอาการ และฟังเสียงภายในหน้าอกเพื่อฟังเสียงกุกกักภายในที่ช่วยจำแนกภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบออกจากภาวะปอดอื่น ๆ
อาจมีการทดสอบอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบของคุณ และเพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะ ซึ่งมีการทดสอบดังนี้: การตรวจเลือด เพื่อชี้ชัดว่าคุณเป็นภาวะติดเชื้อหรือภาวะแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง (autoimmune) การเอกซเรย์หน้าอก การสแกนอัลตราซาวด์ การสแกนคอมพิวเตอร์ (CT) การเจาะชิ้นเนื้อเยื่อหุ้มปอดหรือเนื้อเยื่อปอดตรวจ
อะไรเป็นสาเหตุของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ?
ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบส่วนมากจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส (เช่นไข้หวัดใหญ่) หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่นภาวะปอดบวม)
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ในกรณีหายาก ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นจากภาวะต่าง ๆ อย่างลิ่มเลือดไปยังปอดอุดตัน (pulmonary embolism) หรือแม้แต่มะเร็งปอดก็ได้
ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อในอกมาก
สามารถทำการรักษาภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบได้อย่างไร?
การรักษาภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบจะขึ้นอยู่กับสาเหตุการเกิดโรคนี้ขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสจะสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา แต่สำหรับภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบที่มาจากเชื้อแบคทีเรียจะต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และผู้ที่มีร่างกายและสุขภาพอ่อนแออาจต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs - NSAID) อย่างอิบูโพรเฟนนั้นมักจะใช้ในการบรรเทาอาการปวดที่มาจากภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
หากระหว่างชั้นเยื่อหุ้มปอดมีของเหลวสะสมอยู่ปริมาณมากเกิน แพทย์อาจต้องทำการเจาะดูดของเหลวออกเพื่อป้องกันการเกิดอาการหายใจลำบาก
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบมักเกิดจากภาวะสุขภาพอื่น ๆ เช่นภาวะติดเชื้อต่าง ๆ แต่ในบางกรณีก็สามารถเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุก็ได้เช่นกัน
เยื่อหุ้มปอดเป็นแผ่นเนื้อเยื่อบาง ๆ สองแผ่นที่กั้นปอดออกจากซี่โครง แผ่นแรกจะติดอยู่กับซี่โครง และอีกแผ่นจะหุ้มปอดอยู่
ระหว่างเยื่อหุ้มทั้งสองจะมีชั้นของเหลวบาง ๆ ไว้หล่อลื่นเยื่อหุ้ม ช่วยลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นขณะที่คุณหายใจเข้าออก
เมื่อมีการอักเสบขึ้น พื้นผิวของเยื่อหุ้มทั้งสองจะหยาบตัวขึ้นจนทำให้ของเหลวมีความเหนียวข้นมากขึ้นตาม และเมื่อเยื่อทั้งสองสัมผัสเข้าด้วยกันจะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดนั่นเอง
ภาวะติดเชื้อ
ภาวะติดเชื้อเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบที่พบได้มากที่สุด การติดเชื้อทุกประเภทสามารถส่งผลไปยังเยื่อหุ้มปอดได้ทั้งนั้น กระนั้นส่วนมากมักจะเป็นการติดเชื้อไวรัส โดยไวรัสที่เป็นสาเหตุของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบมีดังนี้: ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัส Epstein-Barr: ไวรัสของโรคไข้และต่อมน้ำเหลืองโต (glandular fever) ไวรัส cytomegalovirus (CMV): ไวรัสที่ผู้คนส่วนมากจะมีอยู่บนร่างกาย แต่มักจะไม่ประสบปัญหาใด ๆ ไวรัส parainfluenza: ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไอครูปในเด็ก
ในบางกรณี ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบก็สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดังนี้ก็ได้: แบคทีเรีย streptococcal: เชื้อที่มักเกี่ยวข้องกับภาวะปอดบวม หรือการติดเชื้อบนผิวหนัง เช่นโรคพุพอง แบคทีเรีย staphylococcal: เชื้อที่มักเกี่ยวข้องกับภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง อาหารเป็นพิษ และภาวะเลือดเป็นพิษ
Meticillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) เองก็สามารถทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบได้เช่นกัน โดยเฉพาะบรรดาผู้ป่วยที่กำลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล MRSA เป็นแบคทีเรียชนิดที่มีความดื้อยาปฏิชีวนะหลายตัว
สาเหตุอื่น ๆ ของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบมีดังนี้: การบาดเจ็บ: หากกระดูกซี่โครงฟกช้ำหรือแตกหัก เยื่อหุ้มปอดอาจจะเกิดการอักเสบตามไปด้วย โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (pulmonary embolism) โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle cell anaemia): ภาวะผิดปรกติของเม็ดเลือดที่มักเกิดขึ้นกับคนบางชนชาติ การทำเคมีบำบัดและรังสีบำบัด HIV หรือ AIDS มะเร็งปอด โรคมะเร็งเยื่อหุ้มปอด: มะเร็งที่เกิดจกการสูดสมแร่ใยหินเข้าไปในปอด
ภาวะแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง เช่นโรคข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) และโรคพุ่มพวง (lupus) ก็เป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ภาวะเหล่านี้มักจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติและเริ่มเข้าโจมตีเนื้อเยื่อที่สุขภาพดีของร่างกาย
การรักษาภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
การรักษาภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบมักจะเป็นการบรรเทาความเจ็บปวด และรักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคขึ้น
หากทำการรักษาอย่างเหมาะสม ภาวะนี้จะหายไปโดยไม่สร้างความเสียหายระยะยาวกับปอดทั้งสองข้าง
การรักษาความเจ็บปวด
อาการเจ็บหน้าอกที่เกิดจากภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบสามารถรักษาได้ด้วยยาแก้ปวดที่เรียกว่ายาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal anti-inflammatory drugs - NSAID) ซึ่งแพทย์ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ยาอิบูโพรเฟนกัน
หากยา NSAID ไม่ได้ผล คุณจะได้รับยาแก้ปวดอีกประเภทเช่นพาราเซตตามอลหรือโคเดอีนแทน
หากคุณมีอาการเฉียบพลันก็สามารถบรรเทาอาการปวดหน้าอกได้ด้วยการนอนหันไปยังข้างที่มีอาการเจ็บ
การรักษาภาวะต้นตอ
การรักษาภาวะต้นเหตุของภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
หากภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบของคุณเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คุณจะได้รับยาปฏิชีวนะมาทานโดยรูปแบบของการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการคุณ บางครั้งอาจมีการใช้ยาปฏิชีวนะผสานกันไปก็ได้
ในกรณีที่อาการของคุณมีความรุนแรงเป็นพิเศษ หรือคุณมีสุขภาพโดยรวมที่ไม่สู้ดีอยู่ก่อน คุณอาจต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ประคองการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของคุณจนกว่าภาวะจะคงที่
ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
ในบางกรณี ภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบก็นำไปสู่การสะสมกันของของเหลวรอบปอดที่เรียกว่าภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (Pleural effusion)
ภาวะนี้เป็นผลมาจากอาการหายใจติดขัดที่ทรุดลงเรื่อย ๆ และมักเกิดกับภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือโรคลิ่มเลือดอุดกั้น
หากภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดไม่หายไปแม้จะทำการรักษาภาวะเยื่อหุ้มปอดอักเสบไปแล้ว หรือคุณยังคงมีอาการหายใจลำบาก แพทย์จะทำการสอดท่อดูดของเหลวที่สะสมอยู่ออกแทน
ท่อนี้จะถูกสอดให้กับคนไข้ที่ได้รับยาสลบหรือยาชา และหากมีของเหลวสะสมอยู่มาก คุณอาจต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสองถึงสามวัน