การตรวจวัดมวลกล้ามเนื้อ มีหลายวิธีที่สามารถทำได้ โดยหลักๆ จะต้องใช้เครื่องมือช่วยเพื่อแบ่งแยกมวลร่างกายต่างๆ ออกจากกันก่อน ดังนั้นจึงมีอุปกรณ์ที่นิยมใช้วัดโดยตรง ไปจนถึงการวัดด้วยวิธีคำนวณผ่านค่าความสูงและน้ำหนักตัว ส่วนระดับความแม่นยำก็จะแตกต่างกันออกไป โดยมากแล้วจะไม่มีค่าตายตัว จะเป็นเหมือนค่าเฉลี่ยที่ทำให้ทราบว่าร่างกายในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง การวัดค่ามวลกล้ามเนื้อ จะได้ข้อมูลออกมาทั้งค่ามวลกระดูก มวลน้ำ มวลกล้ามเนื้อ และมวลไขมัน แล้วจะถูกนำไปคำนวณเป็นค่าดัชนีมวลกายที่เรียกว่า BMI ต่อไปนั่นเอง
การวัดมวลกล้ามเนื้อด้วยเครื่องชั่งน้ำหนักแบบ BIA
เครื่องชั่งน้ำหนักที่สามารถวัดค่ามวลกล้ามเนื้อได้นั้น จะไม่ใช่เครื่องชั่งน้ำหนักที่เราเห็นกันโดยทั่วไป แต่จะถูกออกแบบให้มีความสามารถพิเศษมากกว่านั้นคือเป็น เครื่องชั่งน้ำหนักและวัดไขมันพร้อมๆ กัน ซึ่งจะทำให้ได้ออกมาเป็นค่า BMI ที่ต้องการ โดยตัวเครื่องที่นิยมใช้จะทำงานด้วยการวัดองค์ประกอบของร่างกายด้วยความต้านทานไฟฟ้า ได้เปอร์เซ็นต์ไขมัน น้ำ และมวลกล้ามเนื้อ ตัวพื้นของเครื่องชั่งมีลักษณะไม่ต่างจากเครื่องชั่งน้ำหนักธรรมดา ทว่าจะผลิตจากวัสดุแก้ว Tempered Glass ด้านขวาและซ้าย ประกอบด้วยแผ่นอิเล็กโทรด ที่จะส่งกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ข้อเสียของการวัดด้วยเครื่องมือชนิดนี้ คือผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ และหญิงตั้งครรภ์ เพราะคลื่นที่ปล่อยออกมา จะไปรบกวนร่างกาย จนเกิดเป็นอันตรายขึ้นมาก็ได้ ส่วนค่าที่ได้ก็ไม่ได้มีความแม่นยำมากนัก เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ที่มีความคาดเคลื่อนอยู่พอสมควร
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
วิธีคำนวณหามวลกล้ามเนื้อผ่านโปรแกรมคำนวณ
เป็นวิธีการเรียบง่ายที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้จริงจังการค่าความแม่นยำมากนัก ซึ่งวิธีนี้มักจะเป็นวิธีของคนที่เริ่มต้นให้ความสำคัญกับการหาค่ามวลต่างๆ ของร่างกาย โปรแกรมการคำนวณจะมีอยู่ตามเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการออกกำลังกาย เมื่อเข้าไปแล้วก่อนคำนวณจะต้องป้อน อายุ เพศ น้ำหนัก และส่วนสูงเข้าไปด้วย จากนั้นโปรแกรมก็จะทำการคำนวณออกมาเป็นค่าเฉลี่ย เรื่องความแม่นยำไม่เท่ากับเครื่องมือที่ใช้วัดกับร่างกายโดยตรง แต่ช่วยให้ทราบว่ามวลกล้ามเนื้อ ไขมัน และดัชนีมวลกายมีค่าเท่าไหร่
การวัดมวลกล้ามเนื้อด้วยวิธี Underwater Weighing
เป็นวิธีการวัดด้วยเครื่องมือที่ถือว่าได้รับการยอมรับอยู่พอสมควร แต่จะมีความยุ่งยากตรงที่ต้องลงไปชั่งน้ำหนักใต้น้ำ โดยค่าที่ได้จะออกมาเป็นค่าความหนาแน่นของกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันในขณะที่ร่างกายอยู่ในน้ำ ค่าที่ได้ออกมาจะเป็นตัวเลขคร่าวๆ เท่านั้น แน่นอนว่ายังไม่แม่นยำ เนื่องจากร่างกายมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยที่เครื่องชั่งไม่ได้หยิบเอามาใช้ในการคำนวณร่วมด้วยแต่อย่างใด
การวัดมวลกล้ามเนื้อด้วยวิธี DXA (Dual Energy X-ray Absorptiometry)
วิธีวัดมวลกล้ามเนื้อด้วยการทำ DXA นิยมใช้เพื่อวินิจฉัยตรวจหาค่าความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในทางการแพทย์กันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นวิธีนี้จะสามารวัดได้ทั้งมวลกระดูก, กล้ามเนื้อ และไขมัน ด้วย ข้อดีคือมีความแม่นยำสูง ปลอดภัย สามารถใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก ถือว่าเป็นเทคนิคที่มีความใหม่ หากจะเทียบกับวิธีตรวจแบบอื่นที่กล่าวมาข้างต้น โดยใช้หลักการตรวจด้วยคลื่นรังสี X ที่มีค่าพลังงาน 2 ค่าผ่านร่างกาย รังสีที่ส่งผ่านเข้าไปจะลดหลั่นพลังงานแตกต่างกันไปตามระดับความหนาแน่นของเนื้อเยื่อและกระดูก หลังจากนั้นระบบจะทำการคำนวณภาพที่แสกนออกมาในแต่ละจุดพิกเซล ค่าที่ได้ออกมาก็จะทำให้ทราบมวลกล้ามเนื้อที่แม่นยำได้
นอกจากวิธีข้างต้นเหล่านี้ ยังมีการวัดมวลกล้ามเนื้อด้วยวิธีอื่นๆ ที่ทันสมัย และมีความแม่นยำมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าในการวัดที่อยากจะทราบให้แน่ชัด อาจจะต้องเลือกใช้บริการกับทางโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือทันสมัย ซึ่งรับรองว่าค่าที่ได้ออกมาจะแม่นมากกว่าการซื้ออุปกรณ์มาใช้เอง เนื่องจากบางยี่ห้อมักจะโฆษณาเกินจริง เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ใช้เพียงการป้อนสูตรคำนวณเข้าไปแล้วให้กรอกประวัติก่อนคำนวณเท่านั้น ค่าที่ได้ออกมาจึงมีโอกาสเกิดความผิดเพี้ยนได้สูง