มีหลายสิ่งที่คุณควรนึกถึงหากคุณกำลังจะมีลูกน้อย หนึ่งหัวข้อใหญ่ นั่นคือ คุณต้องการจัดการกับความเจ็บปวดในช่วงระยะคลอด ว่ามันเป็นอย่างไร และจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร?
คุณสามารถนึกออกถึงความเจ็บปวดบางอย่างได้เป็นอย่างดี แต่ความเจ็บปวดระหว่างการคลอดมีความรุนแรงเท่าไหร่นั้น อาจจะยากที่จะคาดการณ์ได้ ทุกคนจะได้รับประสบการณ์นี้แตกต่างกัน และแม้ว่าคุณจะเคยผ่านความเจ็บปวดแบบอื่นๆ มาก่อน แต่ในเวลานี้ มันอาจแตกต่างกันไปก็ได้ มีหลายสิ่งหลายอย่างจำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงคลอดนี้ ทั้งจากกล้ามเนื้อของคุณที่หดตัว ไปจนถึงแรงความกดดัน แรงเบ่งภายในร่างกายของคุณขณะที่ลูกน้อยของคุณผ่านออกมาในช่องคลอด
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อย่างไรก็ตาม คุณจะมีทางเลือกมากมายในการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ พูดคุยกับแพทย์ของคุณเพื่อให้เขาทราบว่า คุณต้องการอะไร และคุณจะทราบว่าตัวเลือกของคุณที่เป็นไปได้มีอะไรบ้าง โปรดจำไว้ว่า ทางเลือกของคุณอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อการคลอดจริงๆ ของคุณเริ่มต้น วันนั้นอาจเป็นการคลอดที่ซับซ้อนมากขึ้นซักหน่อย หรือแตกต่างจากที่คุณและแพทย์คาดไว้ ก็ยังเป็นการดีที่มีการวางแผนรับมือสิ่งต่างๆไว้ก่อน แล้วก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากจำเป็น
วิธีการผ่อนคลายแบบไม่ใช้ยา
หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในระหว่างตั้งครรภ์ของคุณ คือ ออกกำลังกาย ขยับตัวสม่ำเสมอ (ตราบเท่าที่คุณได้รับอนุญาตจากแพทย์ประจำตัว) การออกแรงจะทำให้คุณแข็งแรงขึ้น และมีความอดทนมากขึ้น ซึ่งอาจมีความสำคัญหากระยะคลอดของคุณกินเวลาเป็นเวลานาน
คุณอาจลองเข้าร่วมคอร์สการเตรียมตัวเพื่อการคลอดจากแหล่งต่างๆ คอร์สเหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้หญิงรู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับการคลอด ตระหนักว่าเป็นกระบวนการที่เป็นธรรมชาติ และมีสุขภาพดี รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลาย และฝึกการหายใจซึ่งสามารถช่วยลดการรับรู้ความเจ็บปวดของคุณได้ และยังสอนให้คุณใช้สิ่งที่ดึงสติออกจากอาการเจ็บปวด หรือการนวดตัวที่มีประโยชน์จากผู้สอนอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีวิธีแบรดลีย์ (Bradley Method) ซึ่งจะรวมบุคคลอื่น (ซึ่งมักเป็นพ่อของทารกนั่นเอง) ในฐานะโค้ชกำเนิดเข้าไปฝึกปฏิบัติด้วย เน้นให้ใช้วิธีการที่ไม่ต้องใช้ยา เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น คอร์สจะสอนวิธีต่างๆ เช่น เรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย การผ่อนคลาย และเทคนิคการหายใจ แต่โดยทั่วไปคอร์สนี้จะไม่ได้กล่าวถึงปัญหาระยะคลอดโดยเฉพาะ คุณอาจต้องการพูดคุยกับแพทย์ประจำตัวของคุณเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลานั้น
เมื่อระยะบีบตัวของมดลูก และระยะคลอดจริงมาถึง ผู้หญิงบางคนยังสามารถใช้วิธีการอื่นเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด ได้แก่ การเดิน การนวด การผ่อนคลาย การอาบน้ำฝักบัว การขยับตำแหน่ง และการฟังเพลง เมื่อมีช่วงเวลาว่าง ให้ลองผ่อนคลายด้วยวิธีการเหล่านี้ดู
การใช้ยาระงับปวด
มียาสองประเภทที่สามารถบรรเทาอาการปวดในระหว่างช่วงคลอดได้:
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ยาแก้ปวด ซึ่งจะลดอาการปวด แต่คุณยังรู้สึกสัมผัสได้
- ยาชา ซึ่งทำให้คุณชา สามารถระงับความเจ็บปวด และลดความรู้สึกอื่น ๆ ไปด้วยCr
ยาแก้ปวดบางชนิดได้ผลดีกับร่างกายทุกส่วนของคุณ แต่ในขณะที่ยาบางตัว สามารถลดอาการปวดในพื้นที่ขนาดเล็กโดยเฉพาะ เช่น ช่องคลอด ปากช่องคลอด และบริเวณฝีเย็บของคุณ
ยาแก้ปวดอื่น ๆ หรือยาชาบางตัว จะลดหรือป้องกันความเจ็บปวดในพื้นที่ขนาดใหญ่ของร่างกาย ในระหว่างช่วงระยะคลอด ยาเหล่านี้สามารถช่วยลดอาการปวดหรือทำให้บริเวณต่ำกว่าเอวของคุณชาได้ นั่นรวมไปถึง การฉีดยาชาเข้าเยื่อหุ้มประสาทไขสันหลัง หรือที่เรียกกันติดปากว่า “การบล็อกหลัง” (epidural block), การฉีดยาชาเข้าช่องน้ำไขสันหลัง (spinal block) และการฉีดยาชาผสมกันทั้งสองวิธีะ
การฉีดยาชาเข้าเยื่อหุ้มประสาทไขสันหลัง (epidural block): หรือที่เรียกกันติดปากว่า “การบล็อกหลัง” ถือเป็นยาบรรเทาอาการปวดที่ใช้กันมากที่สุดในช่วงระยะคลอดในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย คุณอาจได้รับยาชารูปแบบดังกล่าวได้ทั้งในช่วงการคลอดธรรมชาติ หรือการผ่าตัดคลอด (C-section) แพทย์จะฉีดยาเข้าที่หลังส่วนล่างของคุณ ใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 20 นาทีในการออกฤทธิ์
การบล็อกหลังมักจะบรรเทาอาการปวดตลอดช่วงการคลอด แต่คุณยังมีสติอยู่เช่นเดิม มันอาจช่วยลดความดันโลหิตของคุณซึ่งอาจทำให้อัตราการเต้นหัวใจของทารกลดลงได้ แม้ว่าโอกาสจะเกิดขึ้นเป็นไปได้ยากก็ตาม นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อความสามารถในการฉี่ดังนั้นคุณอาจต้องใช้สายสวนในช่วงนั้น ผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ :
- ทำให้เกิดไข้
- ทำให้เกิดอาการคัน
- (พบได้น้อย) อาการปวดหัวรุนแรงในวันหลังคลอด
การฉีดยาชาเข้าช่องน้ำไขสันหลัง (spinal block): แพทย์สามารถใช้วิธีฉีดยาชาดังกล่าวก่อนการผ่าตัดคลอด หรือการคลอดธรรมชาติก็ได้ มันเป็นยาฉีดที่คุณได้รับในบริเวณหลังส่วนล่างของคุณ โดยปกติแล้วจะเริ่มออกฤทธิ์ภายในไม่กี่นาทีและกินเวลาประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมง ผลข้างเคียงเป็นเช่นเดียวกันกับการบล็อกหลังที่ได้กล่าวมาข้างต้น
การฉีดยาชาเข้าช่องเยื่อหุ้ม และน้ำไขสันหลัง (Combinal spinal-epidural: CSE) รวมเอาประโยชน์จากรูปแบบการฉีดยาชาทั้งสองรูปแบบข้างต้น เพื่อลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็วและทำงานได้ดีในระยะเวลาหนึ่ง คุณสามารถได้รับการบรรเทาอาการปวดจาก CSE ในระดับเท่าที่คุณสามารถรับได้จากการบล็อกหลังปกติ ในขณะที่ใช้ยาลดลง บางครั้งเรียกว่า "การบล็อกหลังที่ยังเดินได้" เนื่องจาก คุณอาจยังสามารถเดินไปได้ในระยะทางสั้น ๆ หลังจากได้รับยาชาด้วยวิธีนี้ คุณอาจจะสามารถใช้ห้องน้ำได้ด้วยตนเอง โดยมีผู้ช่วยเหลือ (ถ้าโรงพยาบาลหรือศูนย์บริการคลอดของคุณอนุญาต) ความเสี่ยงก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกับ การบล็อกหลังปกติ
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ยาคลายเครียด หรือยากล่อมประสาท (Tranquilizers): ยาเหล่านี้มักไม่ค่อยใช้ในการคลอดบุตร แต่อาจช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเมื่อฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อหรือผ่านทางหลอดเลือดดำ (IV) ยาจะใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 20 นาทีในการออกฤทธิ์และสามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ถึง 3 ถึง 4 ชั่วโมง ยาเหล่านี้อาจทำให้คุณง่วง และทำให้คุณลืมส่วนต่างๆของระยะคลอดของคุณไปได้ และพวกเขาไม่ได้กำจัดความเจ็บปวดออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาอาจมีผลต่อทารกของคุณด้วยการทำให้เขาง่วงและเพลียเมื่อคลอดออกมาแล้วได้
ยาแก้ปวดชนิดเสพติด (narcotics / opioids): แพทย์ของคุณอาจฉีดยาเหล่านี้ผ่านทางหลอดเลือดดำของคุณ เพื่อลดอาการปวดในช่วงการคลอด พวกเขามักจะออกฤทธิ์ภายในไม่กี่นาที และอยู่เป็นเวลา 2-6 ชั่วโมง ยากลุ่มนี้ไม่ได้ขจัดความเจ็บปวดออกไปทั้งหมด และอาจทำให้คุณรู้สึกง่วงนอน นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อการหายใจของคุณเอง หรือการหายใจของลูกน้อย ยาเหล่านี้อาจใช้กับผู้หญิงที่ไม่ต้องการทำการบล็อกหลัง แต่ต้องการบางสิ่งบางอย่างสำหรับการบรรเทาอาการปวดในระหว่างการคลอดบุตร
การฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อระงับเส้นประสาทช่องคลอด และฝีเย็บ (Pudenal block): เป็นการฉีดยาที่สามารถป้องกันความเจ็บปวดระหว่างช่องคลอดและบริเวณฝีเย็บ ใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 20 นาทีในการออกฤทธิ์ และน้อยมากที่จะเกิดผลข้างเคียงใด ๆ เช่น อาจไม่ได้ผลสำหรับผู้หญิงบางคน และอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อ นอกจากนี้ อาจสามารถลดความดันโลหิตของคุณลงได้อีกด้วย
