นอกเหนือจากข้าวสามมื้อตามปกติแล้ว เด็กมักจะได้รับพลังงานเพิ่มเติมจากขนมที่พวกเขารับประทานตลอดทั้งวัน
โชคร้ายที่สำหรับเด็กหลายคนมันอาจจะกลายเป็นพลังงาน น้ำตาล และไขมันจำนวนมากซึ่งนอกเหนือจากการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนในเด็กแล้วนั้น ขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้ยังทำให้เด็กๆ มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุ โดยเฉพาะหากพวกเขาชื่นชอบขนมที่ติดฟันเช่นลูกกวาด
อย่างไรก็ตามมีขนมที่สามารคเป็นขนมที่ดีต่อสุขภาพของเด็กๆ ได้ เช่นขนมที่ให้พลังงานต่ำ และขนมที่ให้ไขมันต่ำเช่นผลไม้สด
ขนมที่ดีต่อสุขภาพ
นอกเหนือจากผลไม้สดซึ่งมักจะมีเส้นใยอาหารและวิตามินซีสูง ไขมันต่ำ และไม่มีการเติมน้ำตาลแล้วนั้น ขนมชนิดอื่นที่ดีต่อสุขภาพและสามารถรับประทานได้ง่ายสำหรับเด็กประกอบด้วย
- ผลไม้สด เช่นแอปเปิ้ล กล้วย องุ่น ส้ม สตรอเบอร์รี่ แตงโม และอื่นๆ
- ผลไม้แห้ง เช่นลูกเกดและลูกพรุน ถึงแม้ว่าผลไม้ในรูปแบบนี้จะเป็นผลไม้ที่รับประทานแล้วติดฟันซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุก็ตาม ดังนั้นควรให้เด็กๆ แปรงฟันหลังจากรับประทานทุกครั้ง
- ผลไม้กระป๋องในน้ำ, ในน้ำผลไม้สด 100% หรือในน้ำเชื่อมชนิดหวานน้อย
- ผักสด เช่นแครอท. Celery หรือบรอคโคลี่ที่สามารถรับประทานพร้อมกับซอสสำหรับจิ้มชนิดไขมันต่ำ
- ผลิตภัณฑ์จากนม เช่นชีสไขมันต่ำ โยเกิร์ต และพุดดิ้ง หรือน้ำผลไม้ปั่นทำเอง
- ขนมจากธัญพืช เช่นซีเรียล แครกเกอร์ ธัญพืชอัดแท่ง ขนมอบ และป๊อปคอร์น (แบบไม่ใส่เนย) หรือเพรทเซล
- ลูกอมที่ทำจากน้ำผลไม้ 100%
ถึงแม้ว่าถั่วนั้นอาจจะไม่ได้มีไขมันต่ำหรือให้พลังงานต่ำ แต่มันก็จัดเป็นขนมที่ดีต่อสุขภาพของเด็กๆ เช่นกันหากพวกเขารับประทานเพียงแค่ 1 ที่และไม่ได้รับประทานเป็นประจำ
เครื่องดื่มที่พวกเขาดื่มก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เด็กหลายคนดื่มน้ำผลไม้ ชา โซดา พร้อมๆ กับการรับประทานขนม ซึ่งอาจเพิ่งพลังงานที่พวกเขาได้รับได้มาก
ดังนั้นคุณอาจพิจารณาให้ลูกของคุณดื่มเป็นน้ำเปล่า, นมชนิดไขมันต่ำ และน้ำผลไม้สด 100% แทน
นิสัยการรับประทานขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
นอกเหนือจากการรับประทานขนมที่มีน้ำตาลและไขมันสูงแล้วนั้น การรับประทานขนมที่มากเกินไปอาจทำให้กลายเป็นนิสัยซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพต่อเด็กๆ ได้
คุณสามารถหลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดนิสัยนี้ได้โดย
- ไม่อนุญาตให้พวกเขารับประทานขนมที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นขนมที่ให้พลังงานและไขมันสูง ยกเว้นในบางโอกาส ตัวอย่างขนมเหล่านี้เช่นคุกกี้ มันฝรั่งทอดกรอบ ลูกกวาด โดนัท เครื่องดื่มรสผลไม้ โซดา เป็นต้น
- มีช่วงเวลาสำหรับการรับประทานขนมที่เหมือนกันทุกวัน โดยมักจะเป็นช่วงสายและบ่ายสำหรับเด็กวัยคลาน และก่อนวัยเรียน และช่วงเลิกเรียนสำหรับเด็กโต อย่าลืมว่า เด็กส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องทานขนมก่อนเข้านอน
- มีขนมที่ดีต่อสุขภาพไว้ใกล้มือและสามารถให้พวกเขารับประทานได้ตลอดเวลา
- จำกัดการรับประทานขนมให้อยู่ที่ 100-150 แคลอรี่ต่อครั้งเพื่อไม่ให้การรับประทานขนมกลายเป็นมื้ออาหารที่เพิ่มขึ้นมา
- ไม่รับประทานขนมใกล้กับมื้ออาหารจนเกินไป
หากคุณไม่สามารถทำตามได้ทุกข้อ อย่างน้อยให้ดูขนาดของขนมที่ลูกของคุณรับประทานโดยเฉพาะหากคุณให้พวกเขารับประทานขนมถุง
ตัวอย่างเช่นหากขนมหลังเลิกเรียนของลูกคุณเป็นคุกกี้โอรีโอ้ ให้คิดไว้เสมอว่าคุกกี้โอรีโอ้ 3 ชิ้นนั้นให้พลังงาน 160 กรัมและไขมันและน้ำตาลอีกจำนวนมาก และหากลูกของคุณรับประทานโอรีโอ้ 6 หรือ 9 ชิ้นนั้นก็จะยิ่งทำให้การรับประทานขนมนั้นกลายเป็นมื้ออาหารและก็ไม่ใช่มื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน