กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทพญ.สิริพัชร ชำนาญเวช
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทพญ.สิริพัชร ชำนาญเวช

เหงือกร่น สาเหตุ การรักษา และการป้องกันอย่างถูกวิธี

สาเหตุและวิธีรักษาอาการเหงือกร่น รวมถึงการป้องกันที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพเหงือกและฟันที่ดี
เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 14 ม.ค. 2021 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
เหงือกร่น สาเหตุ การรักษา และการป้องกันอย่างถูกวิธี

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • เหงือกร่นคือ การที่เนื้อเยื่อขอบเหงือกรอบๆ ฟันร่นออกไปจนเห็นเนื้อฟัน หรือรากฟันมากขึ้น เกิดเป็นช่องว่างระหว่างฟันและเหงือก ซึ่งบริเวณนี้อาจดูไม่สวยงามและจะกลายเป็นแหล่งสะสมของคราบสกปรก แบคทีเรียต่างๆ
  • อาการเหงือกร่นมักไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก โดยอาการอาจมีจากเสียวฟันเวลาดื่มของร้อน หรือของเย็น ส่วนในรายที่มีอาการชัดเจนเมื่อส่องกระจกดูภายในปากจะพบว่า เหงือกร่นลงไปจนซี่ฟันดูยาวขึ้น ทำให้เนื้อฟันที่เดิมเคยอยู่ใต้เหงือกโผล่ออกมาอย่างชัดเจน
  • สาเหตุที่ทำให้เหงือกร่น ได้แก่ การแปรงฟันผิดวิธี โรคปริทันต์อักเสบ ขาดสุขอนามัยในการดูแลฟัน สูบบุหรี่ พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีฟัรเก หรือฟันซ้อน เจาะริมฝีปาก หรือลิ้น 
  • หากไม่รักษาอาการเหงือกร่น สิ่งที่ตามมาคือ เกิดคราบหินปูนที่เนื้อฟันและรากฟัน ซึ่งเป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรค ถ้าไม่รีบรักษาจะทำให้โครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อที่รองรับฟันเสียหายไปเรื่อยๆ จนส่งผลให้ฟันหลุดในที่สุด
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพฟัน

เหงือกร่นคือ การที่เนื้อเยื่อขอบเหงือกรอบๆ ฟันร่นออกไปจนเห็นเนื้อฟัน หรือรากฟันมากขึ้น เกิดเป็นช่องว่างระหว่างฟันและเหงือก ซึ่งบริเวณนี้อาจดูไม่สวยงามและจะกลายเป็นแหล่งสะสมของคราบสกปรก แบคทีเรียต่างๆ สุดท้ายหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ต้องสูญเสียฟันไปในที่สุด

เหงือกร่นมีอาการอย่างไรบ้าง?

อาการเหงือกร่นมักไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก ทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่ทราบว่า ตนเองมีอาการเหงือกร่น โดยอาการเหงือกร่นอาจมีจากเสียวฟันเวลาดื่มของร้อน หรือของเย็น 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
รักษาโรคปริทันต์ วันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,164 บาท ลดสูงสุด 5%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ส่วนในรายที่มีอาการชัดเจน เมื่อส่องกระจกดูภายในปากตัวเองจะพบว่า เหงือกร่นลงไปจนซี่ฟันดูยาวขึ้น ทำให้เนื้อฟันที่เดิมเคยอยู่ใต้เหงือกโผล่ออกมาอย่างชัดเจน จนสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้โดยตรง 

สิ่งที่ตามมาคือ เกิดคราบหินปูน (ในทางการแพทย์เรียกว่า หินน้ำลาย) ที่เนื้อฟันและรากฟัน ซึ่งเป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อโรค ถ้าไม่รีบรักษา เช่น การขูดหินปูน จะทำให้โครงสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อที่รองรับฟันเสียหายไปเรื่อยๆ จนส่งผลให้ฟันหลุดในที่สุด

เหงือกร่นยังทำให้มีความเสี่ยงต่อการผุของรากฟันอีกด้วย

สาเหตุของการเกิดเหงือกร่น

เหงือกร่นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • การแปรงฟันผิดวิธี การแปรงฟันด้วยการถูไปมาอย่างแรงในแนวนอน อาจทำให้เหงือกร่นและคอฟันสึกได้ โดยอาการเหงือกร่นที่เกิดจากการแปรงฟันมักเกิดขึ้นบริเวณฟันเขี้ยว ฟันกรามน้อย และฟันกรามตรงกระพุ้งแก้ม
  • โรคปริทันต์อักเสบ เป็นโรคเกี่ยวกับการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เหงือกอักเสบ มีหินปูนใต้เหงิอก โรคนี้ถือเป็นสาเหตุหลักของอาการเหงือกร่นเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกที่รองรับฟันเสียหาย เหงือกร่น และตามมาด้วยฟันหลุดร่วง
  • การขาดสุขอนามัยในการดูแลฟัน เช่น แปรงฟันไม่บ่อยเท่าที่ควร ไม่ใช้ไหมขัดฟัน และไม่ไปตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน จนอาจทำให้เกิดคราบหินปูน โรคเหงือกอักเสบ เหงือกร่น หรือปัญหาสุขภาพในช่องปากและฟันอื่นๆ ได้
  • การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพปากและฟัน ทำให้เกิดคราบที่ฟัน เหงือกอักเสบ และเหงือกร่นในที่สุดได้
  • พันธุกรรม งานวิจัยชี้ว่า ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ที่ครอบครัวมีอาการเหงือกร่น อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเหงือกมากกว่าคนอื่น แม้ว่าจะดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม อีกทั้งแบคทีเรียก่อโรคยังติดต่อกันทางน้ำลายอีกด้วย
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ ในวัยเจริญพันธ์ุ หรือในช่วงวัยทอง สามารถส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกและเหงือกร่นได้
  • การมีฟันเก หรือฟันซ้อน ฟันที่เรียงตัวไม่สม่ำเสมออาจเป็นสาเหตุให้เกิดแรงตึงบนเหงือกและกระดูกฟันจนส่งผลให้เหงือกร่น
  • การเจาะริมฝีปาก หรือลิ้น อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเหงือกและทำให้เหงือกร่นได้เช่นกัน

เหงือกร่น รักษาได้อย่างไร?

ทันตแพทย์จะรักษาอาการเหงือกร่นตามสาเหตุรวมถึงการทำความสะอาดคราบหินปูนบนฟันและผิวรากฟันใต้เหงือก พร้อมกับทำให้ผิวรากฟันที่โผล่ขึ้นมาเรียบกว่าเดิม เพื่อที่แบคทีเรียจะได้เกาะตัวได้ยาก 

นอกจากนี้ผู้ป่วยยังอาจได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรียอันตรายที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วย ซึ่งหากมีอาการไม่รุนแรง ไม่นานเหงือกก็จะกลับมาเป็นปกติดังเดิม

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ในกรณีที่ยังคงมีเหงือกร่นเหมือนเดิม แม้จะรักษาที่ต้นเหตุไปแล้ว หรือกรณีที่ไม่อาจทำความสะอาดคราบหินปูนได้ เนื่องจากกระดูกและเบ้าฟันที่เสียหายนั้นอยู่ลึกมาก 

ทันตแพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเหงือกบริเวณที่มีปัญหาโดยใช้เนื้อเยื่อจากส่วนอื่นๆ ภายในช่องปาก หรือการซ่อมแซมกระดูกรองรับฟันที่เสียหายโดยใช้เนื้อเยื่อปลูกถ่ายหรือเยื่อบุผิวเหงือก

การป้องกันอาการเหงือกร่น

การดูแลรักษาสุขภาพปากและฟันให้ดีอยู่เสมอ เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับช่องปากได้ดีที่สุด ซึ่งรวมถึงอาการเหงือกร่นด้วย สามารถทำได้ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี 
    • ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน ถ้าเป็นไปได้ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
    • ใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ทุกๆ 3 เดือน
    • ก่อนแปรงฟันและหลังแปรงฟันเสร็จ ควรล้างแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้ง
    • ทันตแพทย์แนะนำให้บีบยาสีฟันให้เหมาะสมตามอายุ ดังนี้
      • เด็กเล็ก (อายุน้อยกว่า 3 ปี) ให้แต้มยาสีฟันลงบนขนแปรงบางๆ 
      • เด็กโต (อายุ 3-6 ปี) ให้ทำการบีบยาสีฟันเท่าแนวกว้างของขนแปรง 
      • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 6 ปี บีบยาสีฟันตามแนวยาวของขนแปรง
    • สามารถแปรงฟันซ้ำอีกรอบได้หากรู้สึกว่า ฟันยังไม่สะอาดพอ
  • หมั่นไปพบทันตแพย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนเป็นประจำ เพราะหินปูนเป็นตัวการที่ดันเหงือกให้ร่นลง ซึ่งหากปล่อยไว้นานก็ยิ่งมีหินปูนสะสมมากขึ้น ทำให้เหงือกร่นลงเรื่อยๆ จึงควรไปขูดหินปูนและตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุกๆ 3-6 เดือน 
  • หยุดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุให้เหงือกอักเสบได้และจะทำให้เกิดอาการเหงือกร่นตามมา 
  • เลี่ยงการใช้ไม้จิ้มฟัน การใช้ไม้จิ้มฟันเพื่อเขี่ยเศษอาหารออกจากฟันส่งผลให้ฟันห่างยิ่งขึ้นและเศษอาหารเข้าไปติดในร่องฟันมากขึ้น ทางที่ดีจึงควรหันมาแปรงฟันหลังรับประทานอาหารแทนการใช้ไม้จิ้มฟัน 
  • นวดเหงือกบ้าง การนวดเหงือกเบาๆ ทุกๆ เช้าหรือเย็น จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณเหงือกได้อย่างดี เหงือกจึงแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหงือกร่น 

หากมีอาการเหงือกร่น ควรรีบเข้ารับการรักษาทันทีเพื่อให้เหงือกฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา สุดท้ายจะส่งผลให้ฟันเสียหายและหลุดร่วง ทั้งยังทำให้เหงือกไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้อีก ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือใส่ฟันปลอมเท่านั้น

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพฟัน จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
S. A. Romanov, et. al., IDENTIFICATION AND TREATMENT OF LOCALIZED PERIODONTITIS WITH GUM RECESSION (https://www.spractice.ru/jour/article/view/105?locale=en_US), 25 December 2020.
P E Timchenko, et. al., Research of component composition of bioimplants for treatment of gum recession using a Raman spectroscopy method (https://iopscience.iop.org/article/10.1088/1742-6596/1400/6/066015/meta), 25 December 2020.
Michael Friedman, Receding gums (https://www.webmd.com/oral-health/guide/receding_gums_causes-treatments#1), 5 October 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)