กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

สัตว์เลี้ยงทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ได้หรือไม่

สำรวจวิธีอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงโดยไม่เสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ ต้องทำอย่างไร
เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 12 มี.ค. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
สัตว์เลี้ยงทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ได้หรือไม่

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคภูมิแพ้จากการเลี้ยงสัตว์ มีสาเหตุหลักมาจากสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนตัว หรือขนของสัตว์ เช่น คราบน้ำลาย ปัสสาวะ มูลสัตว์ เห็บ หมัด
  • เด็กเล็กถือเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จากการเลี้ยงสัตว์ได้มากกว่าวัยอื่นๆ
  • อาการของโรคภูมิแพ้จากการเลี้ยงสัตว์ มักจะเป็นอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น จามบ่อย ไอเรื้อรัง คัดจมูก มีเสมหะ
  • คุณสามารถป้องกันโรคภูมิแพ้จากการเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยการจัดพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน หรือควรไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่มีขนในบ้าน รวมถึงหมั่นดูแลความสะอาดภายในบ้านและตัวสัตว์เลี้ยง
  • การพาคนในครอบครัวไปตรวจภูมิแพ้ รวมถึงพาเด็กๆ ไปฉีดวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน เป็นอีกวิธีป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ (ดูแพ็กเกจฉีดวัคซีนเด็ก ตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้ได้ที่นี่)

หลายคนคงทราบว่า การเลี้ยงสัตว์เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ในที่นี้ไม่ได้รวมถึงแค่การเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการทำฟาร์มปศุสัตว์และการทำอาชีพที่ต้องคลุกคลีกับสัตว์ด้วย

เนื่องจากบนตัวของสัตว์ทุกชนิดโดยเฉพาะสัตว์ที่มีขน เช่น สุนัข แมว กระต่าย หนู มักจะมีสิ่งสกปรก เช่น รังแค น้ำลาย มูลหรือคราบปัสสาวะ เห็บ หรือหมัดติดอยู่ตามขนของสัตว์ 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

เหล่านี้เองที่จะเป็นกลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ทำให้ผู้เลี้ยงเกิดความระคายเคืองได้ในภายหลัง

นอกจากนี้สิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนขนของสัตว์เลี้ยงยังมีขนาดเล็กมาก และง่ายต่อการฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ รวมถึงติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ พรม เบาะ ผ้าม่าน และเสื้อผ้าของผู้เลี้ยงด้วย

อาการของผู้ที่เป็นเป็นโรคภูมิแพ้เมื่อเลี้ยงสัตว์

เราทุกคนสามารถเป็นโรคภูมิแพ้จากการเลี้ยงสัตว์ได้ ถึงแม้จะไม่เคยเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อนก็ตาม โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากที่สุดคือ เด็กเล็ก 

โดยจะมีอาการแพ้ดังต่อไปนี้ เช่น คันตา หายใจมีเสียงดังวี้ด เป็นผื่นขึ้น นอกจากนี้เด็กที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดอยู่แล้ว การเลี้ยงสัตว์ยังจะทำให้อาการหอบหืดของเด็กทรุดหนักลงกว่าเดิมด้วย 

ส่วนอาการอื่นๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้เป็นโรคภูมิแพ้เมื่อเลี้ยงสัตว์ มักจะเป็นอาการภูมิแพ้เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ได้แก่

  • มีน้ำตาไหลมาก
  • ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีชมพู หรือสีแดง
  • รู้สึกคันตามผิวหนัง
  • ไอเรื้อรัง
  • มีเสมหะมากในลำคอ
  • คัดจมูก
  • หายใจไม่สะดวก
  • นอนหลับได้ยาก

การรักษาโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยง

หากเริ่มมีอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ก่อนอื่นแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาและจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

โดยตัวยาที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้จะแบ่งเป็นยารับประทาน ซึ่งอาจเป็นยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการคัดจมูก หายใจไม่ออก หรือมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก แพทย์อาจจ่ายยาพ่นจมูกมาให้ด้วย 

นอกจากนี้ยังมีวิธีบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยงที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง 

ปรับพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์

นอกจากนี้ยังมีวิธีบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยงที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังนี้

  • อย่าให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาในห้องนอน จำเป็นต้องจำกัดพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงเพื่อลดสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านและรักษาความสะอาด 
  • จัดวางสิ่งของภายในบ้านให้เป็นระเบียบ หากสิ่งของภายในบ้านจัดวางเป็นที่เป็นทางมากขึ้น การทำความสะอาดสิ่งสกปรก รวมไปถึงสะเก็ดผิวหนังและขนสัตว์เลี้ยงก็จะง่ายยิ่งขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้พรม เนื่องจากพรมเช็ดเท้า หรือพรมตกแต่งห้องนั่งเล่น รวมถึงผ้าม่านคือ แหล่งรวมของสิ่งสกปรก เชื้อโรค และขนสัตว์
  • ทำความสะอาดร่างกายของสัตว์เลี้ยง การทำความสะอาดร่างกายสัตว์เลี้ยงเป็นครั้งคราวจะช่วยลดสารก่อภูมิแพ้บนตัวสัตว์เลี้ยงได้ อีกทั้งยังทำให้ขนสะอาดและลดโอกาสเกิดภูมิแพ้ได้
  • เปลี่ยนที่นอนของสัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงของคุณอาจมีมุมโปรด หรือที่นอนตัวโปรด แต่นั่นคือแหล่งเพาะสารก่อภูมิแพ้ชั้นดี ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่ให้แทน
  • ทำความสะอาดบ้านบ่อยขึ้น การป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยงเป็นอีกสัญญาณที่บอกว่า คุณยังดูแลความสะอาดของที่อยู่อาศัยได้ไม่ดีพอ บางทีคุณอาจต้องทำความสะอาดบ้านบ่อยขึ้น สำรวจว่า มีบริเวณไหนที่เป็นแหล่งเพาะสารก่อภูมิแพ้ได้อีก
  • เปลี่ยนสถานที่พบปะกับเพื่อนที่เลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน หากคุณมีเพื่อนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ให้หลีกเลี่ยงการไปพบปะกันที่บ้านเพราะจะทำให้คุณได้รับสารก่อภูมิแพ้ได้
  • ใช้แผ่นกรองอากาศที่กรองฝุ่นได้ดีกว่า (High Efficiency Particulate Air) เพื่อดักจับสิ่งสกปรก และละอองฝุ่นให้ดียิ่งขึ้นและควรมีการถอดออกมาล้างอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อให้แผ่นกรองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วิธีป้องกันโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสัตว์เลี้ยง

1. เลือกสัตว์เลี้ยงที่ไม่เป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้

สัตว์เลี้ยงมักทิ้งมูลและสิ่งปฏิกูลไว้ตามที่ต่างๆ ในบ้าน มักจะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นได้ เช่น สุนัข แมว นก หรือต่อให้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ เช่น หนู กระต่าย ก็เช่นกัน 

นอกจากนี้เศษอาหารที่เลี้ยงสัตว์เหล่านี้ เมื่อตกลงบนพื้นแล้วก็จะกลายเป็นอาหารของไรฝุ่น ทำให้ไรฝุ่นขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการเลี้ยงสัตว์ เช่น ปลา ซึ่งมีการเลี้ยงดูที่ไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้มากจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

2. เลิกเลี้ยงสัตว์

อาจเป็นเรื่องยากหากคุณรู้สึกผูกพันกับสัตว์เลี้ยงไปแล้ว แต่หากแน่ใจแล้วว่าสัตว์เลี้ยงของคุณคือ ต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ คุณก็จำเป็นต้องรักษาสุขภาพของตนเองไว้ก่อน และลองหาบ้านใหม่ให้กับสัตว์เลี้ยงของตนเอง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

เพราะถึงแม้คุณจะย้ายสัตว์เลี้ยงออกไปจากบ้านแล้ว แต่การกำจัดขน หรือสารก่อภูมิแพ้ที่สัตว์เลี้ยงเหลือไว้นั้นต้องไว้เวลานานถึงประมาณครึ่งปีเลยทีเดียวกว่าจะเสร็จสิ้น

3. รักษาความสะอาดให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำ

หากคุณยังเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านอยู่ก็ควรทำความสะอาดร่างกายให้กับสัตว์เลี้ยงทุกสัปดาห์ หรือพาไปพบสัตว์แพทย์เพื่อฉีดยาหรือช่วยบำรุงขน ไม่ให้ขนของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นสารก่อภูมิแพ้ในภายหลัง

4. แน่ใจเสียก่อนว่า คุณไม่ได้ต้นเหตุของโรคภูมิแพ้เข้าบ้าน

ถึงจะไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแต่หากสมาชิกในบ้านชอบไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน หลังจากพวกเขากลับมาเข้ามาในบ้าน ควรให้เด็กๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเข้าบ้าน และไม่นำเสื้อที่เปื้อนฝุ่น หรือขนสัตว์เข้าบ้านด้วย

5. ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้านอยู่เป็นประจำ

คุณควรเลือกหาซื้อเครื่องดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อกำจัดขนสัตว์ภายในบ้านให้สะอาดและไม่ทิ้งเป็นสิ่งสกปรกหมักหมม ควรหลีกเลี่ยงใช้ไม้กวาดเพราะจะทำให้ฝุ่นในบ้านฟุ้งกระจายมากกว่าเดิม

การต้องหาบ้านใหม่ให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด ตัวคุณเองก็คงไม่อยากแยกจากสัตว์เลี้ยงที่ตนเองรักและผูกพันมาเป็นนานอย่างแน่นอน 

ดังนั้นก่อนที่จะรับเลี้ยงสัตว์ชนิดใดๆ เข้ามาในบ้าน คุณต้องแน่ใจเสียก่อนว่า สุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวจะไม่ได้รับผลกระทบจากสัตว์เลี้ยงไปด้วย 

ดูแพ็กเกจฉีดวัคซีนเด็ก ตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัพเดทแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


6 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Matthew Hoffman, How Pets and Allergies Can go Hand in Paw (https://www.webmd.com/allergies/features/how-pets-allergies-can-go-hand-in-paw#1), 10 March 2020.
Amy Flowers, Pet Allergy Checklist (https://www.webmd.com/allergies/pet-allergy-checklist), 10 March 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป