ยากดประสาท Depressants

เผยแพร่ครั้งแรก 7 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ยากดประสาท Depressants

การใช้ยากดประสาทในทางการแพทย์จะช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับสภาพทางจิตหรือลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยได้ แต่หากนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของการเสพติด ยาเหล่านี้จะส่งผลเสียร้ายแรงต่อระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกาย ลองดูข้อมูลเหล่านี้เพื่อที่คุณจะได้รู้จักยากดประสาทมากขึ้น

ยากดประสาทคืออะไร

ยากดประสาทเป็นยาที่ออกฤทธิ์เพื่อควบคุมการทำงานของระบบประสาทและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ แพทย์จะใช้ยากลุ่มนี้เพื่อควบคุมอารมณ์วิตกกังวลที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยระหว่างการรักษา แต่หากมีการใช้ยากดประสาทในทางที่ผิด เช่น ยากล่อมประสาท ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับ ยาเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้เกิดภาวะเสพติดยา เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย และอาจทำให้ผู้เสพเสียชีวิตได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ยากดประสาทจะผลิตมาในรูปแบบของเม็ดยาหลากสีหรือแคปซูล ยาบางตัวเป็นยาที่ถูกกำหนดการใช้และสามารถใช้ได้หากมีใบสั่งจากแพทย์ เช่น ยาแวเลียมและยาซาแน็ก เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติดพวก GHB หรือ Rohypnol ที่ผลิตมาในรูปแบบของผงแป้งหรือของเหลวใช้สูดเข้าทางจมูกหรือกินได้ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของยากดประสาทเช่นกัน

ผลข้างเคียงระยะสั้น

หากทานยากดประสาทอย่างถูกต้องผ่านการรักษาโดยแพทย์ ยาเหล่านี้จะช่วยรักษาอาการหรือโรคที่เกิดกับผู้ป่วยได้ แต่การใช้ยาเกินขนาดโดยไม่มีใบสั่งแพทย์จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบประสาท มีปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ และระบบทางเดินหายใจ การใช้ยาปริมาณมากเกินไปภายในครั้งเดียวหรือการใช้ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดอื่นๆ จะทำให้หัวใจเต้นช้าลงและระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติจนอาจทำให้เสียชีวิตได้

ยากดประสาทจะส่งผลกระทบต่อกรดแกมมาอะมิโนบิวทีริก (GABA) ที่อยู่ภายในสมอง ทำให้ระบบการทำงานของสมองช้าลงและช่วยให้ผู้ใช้ยารู้สึกผ่อนคลาย สัญญาณที่บอกได้ว่าผู้นั้นกำลังได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยากดประสาท ดังนี้

  • ง่วงซึม และมักง่วงหลับที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน
  • มีอาการสับสน
  • ปวดศีรษะ
  • ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
  • เวียนศีรษะ
  • พูดไม่ชัด และมองภาพไม่ชัด ตาพร่ามัว
  • ภาวะการตัดสินใจและระบบการทำงานของสมองบกพร่อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ความจำเสื่อมชั่วขณะ (โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ยาออกฤทธิ์)

ผลข้างเคียงระยะยาว

การใช้ยากดประสาทอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานจะทำให้ผู้เสพมีอาการติดยา ทำให้พวกเขาต้องใช้ยามากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถหยุดการใช้ยาหรือเลิกยาได้ และเมื่อต้องการเลิกยาพวกเขาจะต้องพบกับอาการถอนยาที่แสนจะทรมาน

ผลข้างเคียงระยะยาวอื่นๆ ดังนี้

  • สมรรถภาพทางเพศบกพร่อง
  • นอนไม่หลับ
  • มีปัญหาระบบทงเดินหายใจ
  • เกิดอาการชักเกร็ง
  • มีอาการซึมเศร้าและอาการทางจิตอื่นๆ

ปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา

การใช้ยากประสาทในปริมาณที่มากเกินภายในครั้งเดียวเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะการใช้ยาเกินขนาด ทำให้หัวใจเต้นช้าลงและระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ หากมีอาการหนักมากอาจทำให้เสียชีวิตได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การใช้ยาร่วมกับยาเสพติดอื่นๆ อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และการใช้ยาร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดภาวะการใช้ยาเกินขนาด (overdose)

การใช้ยากดประสาทอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ระบบการทำงานของสมองจะทำงานช้าลงและหากพวกเขาลดปริมาณการใช้ยาหรือหยุดยา สมองจะตอบสนองให้กลับไปใช้ยาและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนทำให้เกิดอาการชักอย่างรุนแรงซึ่งเป็นอันตรายมาก

ยากดประสาทเกือบทุกประเภทเป็นยาที่ต้องได้รับการควบคุมเมื่อใช้ นั่นหมายความว่าแพทย์ต้องออกใบสั่งยาให้ผู้ป่วยจึงจะสามารถใช้ได้ ยากดประสาทพวก Rohypnol และ GHB ถือเป็นยาที่ผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา ดังนั้น การครอบครองหรือเสพยาเหล่านี้โดยไม่มีใบสั่งจากแพทย์จะได้รับโทษทางกฎหมาย

หากเสพติดแล้วจะเลิกอย่างไร

การเลิกหรือหยุดใช้ยาอาจทำได้ยาก ผู้ที่กำลังพยายามเลิกใช้ยาจะมีอาการใจสั่น มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ชัก หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากระบบภายในร่างกายของผู้เสพได้คุ้นเคยกับการใช้ยาไปแล้ว ดังนั้น การหยุดยาจึงต้องได้รับการช่วยเหลือจากแพทย์ แม้การใช้ยากดประสาทจะเกิดจากการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ก็ตาม

หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ยากดประสาทของคุณ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากการเลิกยาจะประสบผลสำเร็จได้ต้องได้รับการควบคุมดูแลและช่วยเหลือจากแพทย์หรือนักบำบัดอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะร้ายแรงจากอาการลงแดง

หลีกเลี่ยงการทดลองและการเสพ

การใช้ยาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์จะช่วยให้ผู้ป่วยผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายจากการรักษาไปได้ ทว่าการใช้ยาในทางที่ผิดหรือเพื่อเสพ โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดอื่นๆ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น คุณต้องระมัดระวังอย่างมาก หากมีใครสักคนชักชวนให้คุณลองและบอกว่ายาดังกล่าวจะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ คุณควรปฏิเสธทันที และหากคุณตกอยู่ในภาวะของความเครียดและความวิตกกังวล คุณควรปรึกษาแพทย์หรือจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

ที่มาของข้อมูล http://kidshealth.org/en/teens/depressants.html


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How Depressants Affect Your Body. Verywell Mind. (https://www.verywellmind.com/what-are-depressants-2795572)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป