Beclometasone เป็นยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) มีทั้งชนิดพ่น รับประทาน และทา โดยชนิดพ่น ใช้สำหรับรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ ในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหืด และโรคโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ชนิดรับประทานใช้สำหรับรักษาการอักเสบของลำไส้ และชนิดทาใช้สำหรับรักษาโรคผิวหนัง ชื่อทางการค้าของยา Beclometasone ที่เป็นที่รู้จักคือ QVAR กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างแรง โดยยาเข้าจับกับตัวรับกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) มีผลควบคุมอัตราการสังเคราะห์โปรตีน กดการแพร่กระจายของเม็ดเลือดขาว ลดการทำงานของไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast-เซลล์ผิวที่คอยผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน) รักษาระดับไลโซโซมในเซลล์เพื่อไม่ให้เซลล์เกิดการอักเสบและทำลายตัวเอง ลดการแสดงออกของยีน และยับยั้งการสร้างสารไซโตไคน์ (Cytokines) ที่เหนี่ยวนำไปสู่การเกิดการอักเสบ
Beclometasone ชนิดใช้ทางจมูกจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย ตามการจำแนกโดยคณะกรรมการอาหารและยา มีจำหน่ายเฉพาะร้านยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งควบคุมการขายยา ต้องมีการจัดทำบัญชียาอันตราย และสำหรับบุคคลทั่วไปเภสัชกรสามารถจำหน่ายยาและให้คำแนะนำในการใช้ยาได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพฯ รูปแบบยาที่ใช้ทางจมูกที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ตัวยาที่วางจำหน่าย อยู่ในรูปของ Beclometasone Dipropionate
- รูปแบบสเปรย์พ่นจมูก ขนาด 50 และ 100 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง
- รูปแบบยาผงแห้งสำหรับพ่น (easyhaler) ขนาด 200 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง
- รูปแบบยาแอโรซอลสำหรับพ่น ขนาด 50 และ 250 ไมโครกรัมต่อการพ่น 1 ครั้ง
ส่วน Beclometasone ในรูปแบบยาทาสำหรับรักษาอาการทางผิวหนัง และยารับประทานสำหรับรักษาการอักเสบของลำไส้นั้น ในปัจจุบันยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย
ข้อบ่งใช้ของยา Beclometasone
โรคที่เป็นข้อบ่งใช้ของยานี้ ได้แก่
- ป้องกันการกำเริบจากโรคหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- สำหรับรักษาและป้องกันโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และจมูกอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้
- รักษาอาการทางผิวหนังที่ตอบสนองต่อการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ (ไม่มียาในรูปแบบยาทาสำหรับข้อบ่งใช้นี้วางจำหน่ายในประเทศไทย)
- รักษาโรคลำไส้อักเสบ (ไม่มียาในรูปแบบยารับประทานสำหรับข้อบ่งใช้นี้วางจำหน่ายในประเทศไทย)
ขนาดและวิธีการใช้ยา Beclometasone
Beclometasone มีขนาดและวิธีการใช้ตามข้อบ่งใช้ ดังนี้
- สำหรับป้องกันการกำเริบจากโรคหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง (ใช้ยาพ่นรูปแบบยาผงแห้งและแอโรซอลสำหรับพ่น)
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดเริ่มต้น
- 100-200 ไมโครกรัม/วัน แบ่งพ่นวันละสองครั้ง ในผู้ป่วยระดับโรคไม่รุนแรง
- 200-400 ไมโครกรัม/วัน แบ่งพ่นวันละสองครั้ง ในผู้ป่วยระดับโรคปานกลาง
- 400-800 ไมโครกรัม/วัน แบ่งพ่นวันละสองครั้ง ในผู้ป่วยระดับโรครุนแรง
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดสำหรับระยะรักษาอาการ
- 400-800 ไมโครกรัม/วัน แบ่งพ่นวันละสองครั้ง โดยให้ค่อยลดขนาดยาลงมาต่ำสุดที่สามารถควบคุมอาการได้ ขนาดยาสูงสุดคือ 800 ไมโครกรัม/วัน (หรือมากที่สุด 2,000 ไมโครกรัม ในรายที่มีความจำเป็นเนื่องจากอาการของโรครุนแรง)
- ขนาดการใช้ยาในเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ขนาด 100 ไมโครกรัม แบ่งพ่นวันละ 2-4 ครั้ง โดยให้ค่อยลดขนาดยาลงมาต่ำสุดที่สามารถควบคุมอาการได้ ขนาดยาสูงสุดคือ 200 ไมโครกรัมต่อวัน
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาดเริ่มต้น
- สำหรับรักษาและป้องกันโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และจมูกอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ (ใช้ยาในรูปแบบสเปรย์พ่นจมูก)
- ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 100 ไมโครกรัม พ่นลงในจมูกแต่ละข้าง วันละสองครั้ง หรือขนาด 50 ไมโครกรัม พ่นลงในจมูกแต่ละข้าง วันละ 3-4 ครั้ง ขนาดยาสูงสุดคือ 400 ไมโครกรัม/วัน
- ในผู้ใหญ่สามารถใช้ขนาด 50 ไมโครกรัม พ่นลงในจมูกแต่ละข้าง วันละสองครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอาการได้
- ขนาดการใช้ยาในเด็ก อายุมากกว่า 6 ปี ให้ใช้ขนาดยาเดียวกันกับผู้ใหญ่
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของการใช้ Beclometasone
ข้อควรระวังในการใช้ Beclometasone ได้แก่
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่แพ้ Beclometasone
- ไม่ควรใช้ยานี้เพื่อรักษาอาการหืดกำเริบเฉียบพลัน
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น วัณโรค) ติดเชื้อรา หรือติดเชื้อไวรัส (เช่น อีสุกอีใส หัด เริม)
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันหลอดเลือดแดงสูงระดับรุนแรง
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยต่อมหมวกไตทำงานไม่เพียงพอ
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยต้อกระจก ต้อหิน
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคลมชัก และโรคความผิดปกติด้านอารมณ์
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีแผล หรือติดเชื้อในโพรงจมูกที่ยังไม่ได้รับการรักษา
- ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคตับ และโรคไต
- ควรระวังการใช้ยานี้ในเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
ผลข้างเคียงของการใช้ Beclometasone ได้แก่
- การติดเชื้อราในช่องปาก เสียงแหบ ไอ รู้สึกปากและลำคอแห้ง ระคายเคืองช่องปากและลำคอ รับรู้กลิ่นและรสของยาไม่พึงประสงค์ กดการทำงานของต่อมหมวกไต ปวดศีรษะ มึนศีรษะ อาการสั่น อาการแพ้ยา
- อาการที่พบได้น้อย ได้แก่ การใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจเกิดผลข้างเคียง คือ กลุ่มอาการคุชชิง (Cushing’s syndrome) อาการแสดง ได้แก่ มีใบหน้ากลม แก้มแดง มีหนอกบริเวณคอ พุงยื่นแต่แขนขาลีบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง กลุ่มอาการคุชชิงเกิดจากการที่ต่อมใต้สมองมีการสร้างฮอร์ไมน ACTH มากกว่าปกติ
- อาการที่พบได้น้อยอื่นๆ ได้แก่ ลดความหนาแน่นของมวลกระดูก ส่งผลต่อจิตประสาท และพฤติกรรม การนอนหลับ และมีความคิดฆ่าตัวตาย
- ผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงชีวิต ได้แก่ อาการจับหืดเกิดขึ้นภายหลังการสูดยาทันที สาเหตุเกิดจากการแพ้สารตัวอื่นในยา ควรงดใช้ยาทันที
ข้อควรทราบอื่นๆของยา Beclometasone
- ยา Beclometasone ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
- ยา Beclometasone ซึ่งเป็นยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดพ่นที่ใช้รักษาโรคหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นยาที่ใช้สำหรับควบคุมอาการเท่านั้น ยาไม่ได้มีฤทธิ์รักษาอาการ การใช้ยาจึงจำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องร่วมกับยาพ่นสำหรับรักษาอาการ
- หากผู้ป่วยมีอาการหืดที่รุนแรง แนะนำให้รีบพบแพทย์ เนื่องจากการรักษาด้วยยา Beclometasone ชนิดพ่นอาจรักษาหรือบรรเทาอาการไม่ได้ผล
- หลังพ่นยา Beclometasone แล้ว ผู้ป่วยควรบ้วนปากเพื่อล้างคราบยาที่หลงเหลือออกจากช่องปากและลำคอ เพื่อป้องกันการเจริญของเชื้อราในช่องปาก
- ยานี้แนะนำให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส เก็บให้พ้นจากแสง และไฟ