ยาเกือบทุกชนิดมีอายุการใช้งานแตกต่างกัน ยาที่เก็บไว้นานเกินไป หรือถูกแสงแดด หรือถูกความร้อนหรือถูกความชื้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สารเคมีในยาเปลี่ยนแปลง มีผลทำให้ฤทธิ์ยาลดลงหรือยาหมดฤทธิ์ การใช้ยาที่หมดอายุ ไม่เพียงแต่ใช้รักษาไม่ได้ผลเท่านั้น ยายังเป็นเสมือนสารพิษ ดังนั้นผู้ที่ได้รับยาหมดอายุจึงอาจถึงแก่ความตายได้ การตรวจดูวันหมดอายุของยาและลักษณะยาหมดอายุจึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
ลักษณะยาที่หมดอายุ จำแนกเป็นประเภทต่างๆ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- ยาปฎิชีวนะ
- Gentamicin เป็นยาฉีด ปกติจะเป็นน้ำใส ไม่มีสี หากน้ำยาขุ่นหรือเปลี่ยนสีไปจากเดิม แสดงว่ายาหมดอายุ
- Penicillin G Sodium เป็นยาฉีดชนิดผง ปกติเมื่อผสมน้ำจะได้น้ำยาใส ไม่มีสี ดังนั้นหากผสมยาแล้วได้น้ำยาขุ่น หรือมีตะกอน แสดงว่ายาหมดอายุ
- Penicillin V เป็นยาเม็ดชนิดรับประทาน หากเก็บไว้นานๆ หรือถูกแสงแดดมากๆ จะพบว่าสีของยาเปลี่ยนแปลง แสดงว่ายาเสื่อมหรือหมดอายุ
- Tetracyclin ผงยาบรรจุอยู่ในแคปซูล หากแกะแคปซูลออกแล้ว พบว่าผงยาเป็นสีเหลืองเข้มหรือคล้ำ หรือดำ (ปกติผงยาเป็นสีเหลือง) แสดงว่ายานั้นหมดอายุ
- ยาเม็ด ยาเม็ดไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดธรรมดาหรือยาเม็ดเคลือบ หากมีสีเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปียกชื้น หรือเม็ดยาแตกหักไม่ครบเม็ด ไม่ควรนำมาใช้ เพราะยาจะออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ หรืออาจได้รับพิษจากยาง่ายขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- Aspirin หากเปียกชื้น หรือสีเปลี่ยนไป อาจทำให้เกิดแผลในทางเดินอาหารได้ง่ายกว่าปกติ
- Nitroglycerin หากเก็บยานี้ไว้นาน หรือถูกแสงแดด ทำให้ยาเสื่อมคุณภาพ จะพบว่าเมื่ออมยาแล้วจะไม่รู้สึกซ่าๆ ที่โคนลิ้น ดังนั้นหลังจากให้ผู้ป่วยอมยาใต้ลิ้นแล้ว ควรถามผู้ป่วยทุกครั้งว่ารู้สึกซ่าๆ ที่โคนลิ้นหรือไม่ หากอมแล้วไม่รู้สึกซ่าๆ ที่โคนลิ้น แสดงว่ายาเสื่อมคุณภาพ
- ยาน้ำ ยาน้ำอาจเป็นยาแก้ไอ ยาลดไข้ ยาขับเสมหะ ยาน้ำวิตามิน ยาเหล่านี้มีสีแตกต่างกัน เช่น สีเขียว สีส้ม สีเหลือง เป็นต้น ดังนั้น จึงสังเกตได้ง่าย โดยสังเกตจากสีของยา เมื่อใดที่ยามีสีเปลี่ยนไปจากเดิม หรือตกตะกอน แสดงว่ายาเหล่านั้นหมดอายุ
- สำหรับยาน้ำแขวนตะกอน (Suspensions) เช่น ยาลดกรด ยาแก้ท้องเสีย ยาช่วยเจริญอาหาร เป็นต้น หากเขย่าแล้วตะกอนไม่กระจายตัว แสดงว่ายาหมดอายุ
- สำหรับยาน้ำแขวนละออง (Emulsions) เช่น ยาระบายที่มีน้ำมันผสม เป็นต้น หากเขย่าแล้วมีการแยกชั้นของน้ำกับน้ำมัน ไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกัน แสดงว่ายานั้นเสื่อมคุณภาพ ไม่ควรเก็บไว้ใช้ต่อไป
- ยาฉีด ยาฉีดต่างๆ หากเก็บไว้นานจะหมดอายุและเกิดอันตรายได้เช่นกัน Sodium nitroprusside ยานี้เสื่อมคุณภาพได้ง่ายมากเมื่อถูกแสงแดดหรือเก็บไว้นานและเมื่อยานี้เสื่อมคุณภาพ สารเคมีของยาจะเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ ซึ่งมีอันตรายมากต่อร่างกาย ทำให้ตายได้ในเวลารวดเร็ว ดังนั้นการใช้ยานี้จึงต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ตั้งแต่การเตรียมยา ผงยาจะต้องเก็บไว้ในช่องเย็นแข็ง (Freezer) เมื่อผสมยาในสารน้ำเพื่อหยดเข้าหลอดเลือดดำ ขวดน้ำเกลือและสายน้ำเหลือจะต้องหุ้มผ้าไม่ให้ถูกแสงแดด ยาที่ผสมแล้วจะต้องใช้ให้หมดภายใน 4 ชั่วโมง หากใช้ไม่หมดต้องทิ้งและการใช้ยานี้กับผู้ป่วยมักจะใช้ไม่เกิน 3 วัน ถ้าเกินกว่านี้ผู้ป่วยมีโอกาสได้รับพิษจากไซยาไนด์ได้
- ยาหยอดตา ยาหยอดตาทุกชนิด เมื่อเปิดใช้แล้วควรเก็บไว้ในที่เย็น (4 องศาเซลเซียส) และใช้ภายใน 1 เดือน หากใช้ไม่หมดต้องทิ้งเพราะยาเมื่อทำให้เกิดอันตรายได้ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ยาหยอดตาของผู้ป่วยคนไหนก็ใช้กับผู้ป่วยคนนั้นคนเดียว ไม่ควรใช้ร่วมกันเพราะอาจเกิดการติดเชื้อข้ามถึงกันได้