ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการขับถ่ายเช่นท้องผูกและท้องเสียอาจจะเกิดได้บ่อยในระหว่างที่ตั้งครรภ์ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงอาหารที่รับประทานและความเครียดที่เพิ่มขึ้น ข้อเท็จจริงก็คือ หญิงตั้งครรภ์นั้นมักจะมีท้องเสียบ่อยๆ และหากไม่ระวังอาจทำให้เกิดปัญหาได้
ทำไมถึงมีอาการท้องเสียได้บ่อยในระหว่างที่ตั้งครรภ์
หากคุณมีการถ่ายมากกว่า 3 ครั้งใน 1 วันแสดงว่าคุณอาจจะกำลังท้องเสีย ท้องเสียในระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้นพบได้บ่อยแต่การที่คุณท้องเสียนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเกิดจากการตั้งครรภ์
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ท้องเสียนอกจากการตั้งครรภ์ประกอบด้วย
- เชื้อไวรัส
- เชื้อแบคทีเรีย
- ไข้หวัดลงกระเพาะ
- มีพยาธิในลำไส้
- อาหารเป็นพิษ
- การใช้ยา
มีโรคบางโรคที่ทำให้ท้องเสียได้บ่อยกว่าปกติ เช่นโรคลำไส้แปรปรวน Crohn’s disease, celiac disease และ ulcerative colitis
สาเหตุของการท้องเสียที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ประกอบด้วย
- การเปลี่ยนแปลงอาหาร : มีผู้หญิงหลายคนที่เปลี่ยนแปลงอาหารที่รับประทานในระหว่างที่ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงอาหารในทันทีนั้นอาจจะส่งผลต่อกระเพาะอาหารและทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
- แพ้อาหารชนิดใหม่ : การแพ้อาหารนั้นอาจจะเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่คุฯพบระหว่างการตั้งครรภ์ อาหารที่คุณอาจจะเคยรับประทานได้โดยไม่มีปัญหาก่อนหน้านี้อาจทำให้คุณมีแก๊ซเพิ่มขึ้น มวนท้อง และท้องเสียได้
- วิตามินบำรุง : การรับประทานวิตามินบำรุงครรภ์นั้นดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกับสุขภาพของทารก อย่างไรก็ตามวิตามินเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดอาการมวนท้องและท้องเสียได้
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน : ฮอร์โมนนั้นทำให้ระบบย่อยอาหารช้าลงและอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ นอกจากนั้นยังอาจจะทำให้ระบบย่อยอาหารเร็วขึ้นและทำให้เกิดอาการท้องเสียได้เช่นกัน
ท้องเสียนั้นพบได้บ่อยในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์
ยิ่งคุณเข้าใกล้เวลาคลอดเมื่อไหร่ คุณอาจจะยิ่งพบว่ามีอาการท้องเสียได้บ่อยมากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่ร่างกายของคุณนั้นเตรียมตัวเข้าสู่การคลอด ท้องเสียนั้นอาจจะไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังจะคลอดในอีกไม่กี่วัน ดังนั้นอย่าเพิ่มตกใจหากสังเกตว่ามีอาการท้องเสียถี่มากขึ้น ผู้หญิงบางคนอาจจะไม่มีอาการท้องเสียในระยะนี้ก็ได้ แต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน
วิธีการบรรเทาอาการท้องเสียระหว่างตั้งครรภ์
หากคุณไม่อยากรับประทานยาในระหว่างที่ตั้งครรภ์ คุณอาจจะไม่ต้องรับประทานยาเพิ่มเพื่อรักษาอาการท้องเสีย ในความจริงแล้วท้องเสียส่วนใหญ่สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่ถ้าหากคุณยังต้องการรักษาด้วยวิธีอื่น ลองดูทางเลือกต่อไปนี้
วิธีการรักษาท้องเสียระหว่างตั้งครรภ์
- ให้เวลา : ท้องเสียส่วนใหญ่มักจะหายไปได้เองในเวลาไม่กี่วัน หากเกิดจากอาหารเป็นพิษ ติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย ในระหว่างนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ดูยาที่รับประทาน : หากยาที่กำลังรับประทานนั้นทำให้มีอาการท้องเสีย ร่างกายอาจจะสามารถปรับตัวได้และทำให้อาการท้องเสียนั้นดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
- ไปพบแพทย์ : หากมีอาการท้องเสียต่อเนื่องที่ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วันควรไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุที่ทำหเกิดอาการท้องเสีย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดปัญหา : อาหารบางชนิดนั้นทำให้ท้องเสียแย่ลง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด อาหารเผ็ด ผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง
- อย่ารับประทานยาหยุดถ่ายด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการรับประทานยาเหล่านี้อาจทำให้โรคบางโณคแย่ลงได้ และยาก็ไม่ได้ปลอดภัยสำหรับทุกคน
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
หากคุณมีอาการท้องเสีย ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ การถ่ายเหลวนั้นจะทำให้ร่างกายสูญเสียสารน้ำจำนวนมาก อาการขาดน้ำนั้นสามารถเกิดได้อย่างรวดเร็วและอาจจะเป็นอันตรายโดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ และถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร แต่หญิงตั้งครรภ์ก็ยังคงต้องการน้ำในปริมาณที่มากกว่าคนอื่น
การดื่มน้ำนั้นจะช่วยชดเชยสารน้ำที่เสียไป การดื่มน้ำผลไม้และซุปนั้นอาจจะช่วยชดเชยเกลือแร่ วิตามิน และแร่ธาตุที่เสียไปได้
เมื่อไหร่ควรไปรับการรักษา
ท้องเสียเป็นเวลานานนั้นสามารถทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ หากคุณมีอาการท้องเสียมากกว่า 2-3 วันควรไปพบแพทย์ การขาดน้ำที่รุนแรงนั้นสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ได้ อาการของการขาดน้ำนั้นประกอบด้วย
- ปัสสาวะเป็นสีเหลือง
- ปากแห้ง
- กระหายน้ำ
- ปัสสาวะลดลง
- ปวดหัว
- เวียนศีรษะ
- มึนหัว คุณสามารถป้องกันการขาดน้ำระหว่างการตั้งครรภ์ได้ด้วยการดื่มน้ำอย่างน้อย 80 ออนซ์ต่อวัน