โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ที่มักพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว

เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ที่มักพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว

ในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิที่เย็นลง อากาศแห้ง ร่างกายจึงต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เข้ากับความหนาวเย็น แต่ถ้าปรับสภาพไม่ไหวหรือไม่ทัน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ก็จะทำให้ป่วยได้ และมีแนวโน้มว่าผู้ที่เป็นโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง จะมีโอกาสติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจง่ายขึ้น ดังนั้นจึงต้องมีการดูแลสุขภาพที่ดีและเตรียมพร้อมรับมือก่อนจะเป็นโรคเหล่านี้

โรคทางเดินหายใจที่พบบ่อยในฤดูหนาว

โรคภูมิแพ้ จะมีอาการ คันจมูก คันตา มีน้ำมูก ไอ จาม เมื่อไปสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นหรือสิ่งที่เราแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ ควัน บางรายอาจเกิดการแพ้ทางผิวหนังร่วมด้วย เช่นเป็นผื่นคัน แดง เป็นลมพิษ สำหรับวิธีการรักษา พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ดูแลบ้านให้สะอาดปราศจากฝุ่น รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และหากเป็นมากก็ไปปรึกษาแพทย์เพื่อขอยามารับประทาน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

โรคหอบหืดและถุงลมโป่งพอง โดยปกติผู้ที่เป็นโรคหอบหืดส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว และเพราะมีอาการทางระบบทางเดินหายใจมากจึงกลายเป็นโรคหอบหืดในที่สุด ดังนั้นหากอาการของภูมิแพ้กำเริบ ก็อาจกระตุ้นทำให้อาการหอบหืดกำเริบได้เช่นกัน

นอกจากนี้สาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งของโรคหอบหืดและถุงลมโป่งพอง ได้แก่ การติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ สำหรับวิธีรักษาโรคนี้ก็คล้ายๆกับโรคภูมิแพ้คือ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำร่างกายให้อบอุ่น และควรทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการกำเริบ เช่น เหนื่อยมาก ต้องใช้ยาพ่นบ่อยๆ ไอมาก มีเสมหะมากหรือเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง เขียว ควรรีบไปพบแพทย์

โรคไข้หวัด จะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัว มีน้ำมูก ไอ จาม สำหรับการรักษา ควรรักษาตามอาการ เช่นทานยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ รักษาร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เยอะๆ โดยส่วนใหญ่โรคหวัดจะหายได้เองภายใน 5-10 วัน

โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 (H1N1) เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์ H1N1 สำหรับอาการของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมาก คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะมาก เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน และ ถ่ายเหลว และยังแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้ด้วย ตั้งแต่ 1 - 5 วัน ทั้งยังมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงมากกว่าไข้หวัดใหญ่ เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เป็นต้น ซึ่งหากเป็นหวัดชนิดนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์

โรคเหล่านี้ล้วนเป็นโรคทางเดินหายใจ ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว ซึ่งหากคุณไม่อยากเสี่ยงต่อโรคเหล่านี้ อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงตลอดฤดูหนาวนี้กันด้วยนะ


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
10 winter illnesses. NHS (National Health Service). (https://www.nhs.uk/live-well/healthy-body/10-winter-illnesses/)
Influenza B symptoms: Symptoms, treatment, and prevention. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/326679)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
เตือนภัย 6 โรคยอดฮิต! ที่มากับหน้าหนาว
เตือนภัย 6 โรคยอดฮิต! ที่มากับหน้าหนาว

6 โรคพบบ่อยในหน้าหนาว ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม หัด อุจจาระร่วง ไข้สุกใส พร้อมวิธีดูแลรักษาและป้องกัน

อ่านเพิ่ม
ข้อยกเว้นของสิทธิในการปฏิเสธการรักษา
ข้อยกเว้นของสิทธิในการปฏิเสธการรักษา

เมื่อไหร่ที่คุณจะไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้

อ่านเพิ่ม