เคยกินยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ด ติดต่อมาประมาณ 1 ปี แล้วหยุดกินไป 1 เดือนแต่ประจำเดือนไม่มา อยากคุมกำเนิดต่อ จึงไปปรึกษาเภสัชกร เภสัชกรบอกให้กินต่อไปเลยไม่ต้องให้ประจำเดือนมา ตอนนี้กินไป 23 เม็ด มีเลือดออกกระปิบกระปอย ผิดปกติหรือไม่ แล้วควรคุมกำเนิดอย่างไรต่อคะ

เมื่อหยุดรับประทานยาคุมไป จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องนะคะ ดังนั้น การกลับมารับประทานใหม่ก็คือการเริ่มต้นใช้ "ยาคุมแผงแรก" อีกครั้งนั่นเอง ซึ่งควรใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อยู่แน่นอน

แต่ถ้าใช้นอกเหนือจากช่วงเวลาดังกล่าว ก็สามารถใช้ได้ในกรณีที่ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ นั่นคือ นับจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดมาจนถึงวันที่จะรับประทานยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลย แต่การใช้ในลักษณะนี้จะยังไม่มีผลคุมกำเนิดทันทีที่รับประทานยานะคะ ต้องใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันครบ 7 วันก่อน หรือใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยวติดต่อกันครบ 2 วันก่อนค่ะ จึงจะมีผลคุมกำเนิดได้

ดังนั้น หากผู้ถามไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ ก็สามารถเริ่มใช้ยาคุมได้ค่ะ หากยาคุมชนิด 28 เม็ดที่ใช้อยู่เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (ก็คือยาคุมทุกยี่ห้อ ยกเว้นเอ็กซ์ลูตอน, เดลิตอน และซีราเซท) จะมีผลคุมกำเนิดได้หลังรับประทานครบ 7 วันติดต่อกันนะคะ ดังนั้นใน 7 วันแรกที่เริ่มใช้จะต้องคุมกำเนิดด้วยถุงยางร่วมด้วยค่ะ หากทำได้ตามนี้ ร่วมกับมีการรับประทานยาคุมได้ต่อเนื่องตรงเวลา ไม่มีปัญหาลืมรับประทานยา/อาเจียน/ถ่ายเหลว/ใช้ยาที่ลดประสิทธิภาพยาคุมร่วมด้วย ก็จะมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์

ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมชนิด 28 เม็ด มีสูตร 21/7 กับ 24/4 นั่นคือ สูตร 21/7 จะมีเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด + เม็ดแป้ง 7 เม็ด และสูตร 24/4 จะมีเม็ดยาฮอร์โมน 24 เม็ด + เม็ดแป้ง 4 เม็ด ในระหว่างที่มีการรับประทานเม็ดยาฮอร์โมนอยู่ จะไม่มีการหลุดลอกของเยื่อบุมดลูกออกมาเป็นประจำเดือนค่ะ แต่ประจำเดือนจะมาในช่วงปลอดฮอร์โมนหรือช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งนั่นเอง โดยมักจะเริ่มมีประจำเดือนหลังจากรับประทานเม็ดยาฮอร์โมนหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน

หากผู้ถามใช้ยาคุมที่มีเม็ดยาฮอร์โมน 21 เม็ด + เม็ดแป้ง 7 เม็ด การที่เริ่มมีประจำเดือนออกมาหลังรับประทานไป 23 เม็ดก็ถือว่าปกติดีค่ะ เลือดที่ออกมาก่อนเล็กน้อยก็น่าจะเป็นประจำเดือนที่เริ่มมานั่นเอง ไม่ต้องกังวลนะคะ และเมื่อใช้ยาหมดแผงแล้ว ให้ต่อแผงใหม่ในวันถัดมาได้เลยนะคะ