หลังจากฉีดยาคุมมา3ปี​ ก็เลิกฉีด​ แล้วก็หันมากินยาคุมแทนประจำเดือน​มาน้อย​ 2-3เดือน​ จะท้องไหมคะ

1. รับประทานยาคุมมานานแค่ไหนแล้วคะ และใช้ยี่ห้ออะไร
2. ประจำเดือนที่มา "น้อย" มีเลือดออกมาขนาดไหนคะ เทียบกับการใช้ผ้าอนามัยในแต่ละวัน (ใช้กี่แผ่น และเลือดชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่) อีกทั้งมาติดต่อกันกี่วัน
3. รับประทานยาคุมตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ อย่างไร ลืมรับประทานบ้างหรือเปล่า
4. ต่อยาคุมแผงใหม่อย่างไรคะ (หมดแผงเดิมแล้วต่อแผงใหม่เลย หรือเว้นว่างกี่วัน)

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

ประจำเดือนที่มาปกติ มักจะใช้ผ้าอนามัยประมาณ 2 - 3 แผ่น/วัน และมานาน 3 - 7 วันนะคะ หรือในกรณีที่มาน้อยมาก ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 1 แผ่นที่มีเลือดเปียกชุ่ม/วัน และมาต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 2 วันค่ะ

ดังนั้น ในกรณีของผู้ถาม ถือว่ายังเป็นประจำเดือนปกตินะคะ

และถ้าใช้แอนนี่ลินน์ หรือยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมยี่ห้ออื่น ๆ ต่อเนื่องกันไปอีกนานหลายปี ผู้ถามอาจมีปริมาณประจำเดือนน้อยลงกว่านี้ หรืออาจขาดหายไปในบางเดือนได้ (แต่จะไม่ขาดหายติดต่อกันหลายเดือน) ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนในยาคุมเอง แต่ไม่ได้ส่งผลเสียใด ๆ ต่อสุขภาพค่ะ และเมื่อเลิกคุมกำเนิด ประจำเดือนก็จะกลับมาเป็นปกติเองนะคะ จึงไม่ต้องกังวล

ผู้ที่ใช้ยาคุมรายเดือน จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% แต่ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ค่ะ

และเมื่อมีประจำเดือนมาปกติทุกรอบในช่วงปลอดฮอร์โมนของแผง (นั่นคือ ถ้าใช้แอนนี่ลินน์แบบ 21 เม็ด หมดแผงแล้วให้เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ ช่วงปลอดฮอร์โมนคือช่วงวันที่เว้นว่างค่ะ แต่ถ้าใช้แอนนี่ลินน์แบบ 28 เม็ด หมดแผงแล้วจะต้องต่อแผงใหม่ในวันถัดมาได้เลย ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มอีก ช่วงปลอดฮอร์โมนก็คือช่วงเม็ดแป้ง 7 เม็ดสุดท้ายของแผงนั่นเอง) ก็ถือว่าไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

ในกรณีของผู้ถาม เมื่อรับประทานยาคุมตรงเวลาอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนการต่อแผง ให้ต่อตามกำหนดตามที่กล่าวไปข้างต้นนะคะ เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง และมีรอบประจำเดือนเป็น 28 วันสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณประจำเดือน และไม่จำเป็นจะต้องใช้ยาหรือสมุนไพรใด ๆ เพื่อหวังให้ประจำเดือนมามากขึ้นค่ะ