May 20, 2019 08:41
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
ไม่ทราบกว่าก่อนหน้านี้ได้ไปทำอะไรมาหรอืเปล่าครับ เช่น มีเพศสัมพันธ์ หรือช่วยตัวเอง หรือไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศกลับได้ มีแผล เช่น ตุ่มหนอง ตุ่มน้ำใส แผลขอบนูน และอื่นๆ อีกหรือไม่ครับ
ถ้าก่อนหน้านี้มีประวัติว่ามีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง หรือมีการช่วยตัวเองที่รุนแรงหรือทำหลายครั้ง อาจจะทำให้ปลายอวัยวะเพศมีอาการบวมแดง และปวดได้ครับ แนะนำให้หยุดและพักก่อน อาการจ่างๆก็จะดีขึ้นเอง แต่ถ้าปลายอวัยวะเพศดังกล่าวบวมและปวดจากการที่ไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายกลับได้ แบบนี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะทำให้อวัยวะเพศมีการขาดเลือด ส่งผลให้เนื้อเน่าตายและต้องตัดทิ้งครับ หรืออีกรณีหนึ่งคือ มีการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม หนองใน ซิฟิลิสหรือว่าแผลริมอ่อน หากเป็นโรคเหล่านี้วิธีการรักษาคือการได้รับยาปฏิชีวนะครับ
ดังนั้นจากประวัติที่ให้มา ยังไม่เพียงพอที่จะบอกได้ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศเพิ่มเติมนะครับ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอนนี้ไม่สามารถรูดลงมาทำความสะอาดได้ครับ เพราะมันบวมครับ แบบนี้เรียกว่าอาการอะไรครับ
ตอบโดย
สารินทร์ สีหมากสุก (นพ.)
หากไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศกลับไปได้ เรียกว่า ภาวะ Paraphimosis ซึ่งมักพบได้บ่อยในคนที่ยังไม่ได้ทำการขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศครับ หากปล่อยไว้ให้เกิดการบวมเป็นเวลานานๆ และทำให้เส้นเลือดดำคลั่ง หากเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จะนำไปสู่การกดเส้นเลือดแดง ทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยง จนเนื้อตายตามมาได้ครับ
สำหรับแนวทางการรักษา
1.จะต้องแยกก่อนครับว่า มีภาวะเนื้อตาย( Sign of necrosis ) ของอวัยวะเพศหรือไม่ จะพบว่าอวัยวะเพศมีสีม่วงคล้ำ ร่วมกับการคลำจะพบว่ามีลักษณะ firm หากมีภาวะนี้ ควรรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วนครับ เพราะเป็นภาวะที่เร่งด่วนครับ(True emergency)
2.หากไม่ได้มีลักษณะดังกล่าว อาจจะต้องดูก่อนครับว่า ไม่ได้เกิดจากมีสิ่งของหรืออะไรมารัด จนทำให้เกิดการบวม เช่น มีแหวน(บางคนเชื่อว่าจะทำให้หลั่งช้า), มีเส้นผมมารัด, หรือเกิดจากการโดนแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ อาจทำให้ดูเหมือนว่าหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศบวมได้ ก็ให้แก้ที่สาเหตุครับ
3.หากเป็นภาวะ paraphymosis จริงๆ วิธีการรักษาคือทำให้หนังหุ้มปลายที่รัดอยู่คลายตัวออกครับ
หรือทำให้หนังหุ้มปลายลดบวม เช่น การใช้มือกดหรือบีบบริเวณ Glans of penis(หัวอวัยวะเพศ) ทำประมาณ 5-10 นาที, หรือการประคบเย็นบริเวณดังกล่าวเพื่อลดอาการบวม
ระหว่างนี้บางคนอาจมีอาการปวดได้ แพทย์อาจให้ยาบรรเทาอาการปวดครับ
หลังจากที่ทำการลดบวมและลดอาการปวดแล้ว จะต้องมีการทำ manual reduction ต่อครับ (หากมีสารหล่อลื่นหรือ KY ร่วมด้วยจะดีมาก) วิธ๊การคือ
1.ใช้นิิวโป้งของมือทั้ง 2 ข้างวางบนปลายของหัวอวัยวะเพศ แล้วใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้วางไว้ขางบนเหนือต่อจุดรัด ออกแรงดันโดยนิ้วโป้งกดเข้าบริเวณหัวอวัยวะเพศให้ดันกลับเข้าไป ส่วนนิ้วที่เหลือดันออกนอกลําตัว หรือในบางกรณีอาจใช้นิ้วมือทั้งห้ากําบริเวณเหนือต่อจุดรัด แล้วใช้หัวแม่มือของมืออีกข้างวางที่ปลายของหัวอวัยวะเพศ แล้วออกแรงดันหรือต้านกันครับ
อย่างไรก็ตามหากทำวิธีข้างต้นไม่สำเร็จ หรือมีภาวะเนื้อตายดังที่หมอกล่าวไป ควรรีบไปโรงพยาบาลพบแพทย์โดยด่วนนะครับ
แต่ถ้าเป็นการไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศลงมาทำความสะอาดได้ อาจเกิดจากการติดเชื้อบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ จหรือเกิดจากการเสียดสี แล้วทำให้บวมจึงไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายลงมาได้ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้ถูกต้องครับ หรืออีกกรณีหนึ่งคือเกิดจากการมีเส้นสองสลึงดึงรั้งหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ จึงไม่สามารถรูดลงมาได้ครับ กรณีนี้อาจจะต้องพบแพทย์ก่อนนะครับ โดยอาจจะต้องผ่าตัดเอาเส้นสองสลึงนี้ออกครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ปลายอวัยวะเพศบวมแดงมีอาการคันและปวดเวลาสัมผัสครับ มีวิธีรักษาเบื้องต้นอย่างไรครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)