November 26, 2018 00:16
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีอารมณ์เศร้าติดต่อกันเป็นเวลานานจนถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่นั้น อาจเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการตามนี้หลายๆข้อร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงานหรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าของตนเองโดยการทำแบบทดสอบตามลิ้งค์นี้ก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
เมื่ออาการดังกล่าวเป็นมานานแล้วและดูเหมือนจะส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตของคุณค่อนข้างมาก หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการให้แน่ชัดก่อนครับ เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
จากที่เล่าก็จะเห็นอาการที่ตรงกับโรคซึมเศร้าอยู่หลายอาการ เช่น ความเศร้าที่มาก ความรู้สึกเหนื่อย ความเบื่อหน่าย การนอนเยอะ เก็บตัวและความคิดที่เกี่ยวกับความตายนะครับ ซึ่งตรงนี้ก็สามารถเป็นตัวบ่งบอกตามที่คุณหมอว่าได้ว่ามีภาวะที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้านะครับ ซึ่งหากทำคะแนนแบบประเมินได้ค่อนข้างสูง ก็อยากให้ลองปรึกษากับครอบครัวเพื่อที่จะเข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการประเมินและวินิจฉัยโดยละเอียดมากขึ้น เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมจากแพทย์ครับ
ในส่วนของการรักษาเหล่านี้ก็จะมีทั้งการรับประทานยา หรือว่าการพูดคุยเพื่อที่ตัวน้องจะได้บอกเล่าปัญหา ความรู้สึกและเรื่องราวที่รู้สึกว่าทำให้ตนเองเศร้าใจนะครับ โดยกระบวนการพูดคุยตรงนี้ก็จะมีส่วนช่วยให้ตัวน้องสามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์และความคิดให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ และนอกเหนือจากการรับยาจากจิตแพทย์ หรือการทำการบำบัดด้วยวิธีการพูดคุย ผมก็อยากฝากเรื่องการดูแลตนเองหากมีความเศร้าหรือความเครียดเหล่านี้เข้ามามากๆ ซึ่งสิ่งที่ผมอยากแนะนำคือการปรับพฤติกรรม โดยการหากิจกรรมอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย การดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งการเดินเล่นในสถานที่ที่ไม่เคยไป ก็อาจจะสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าหรือหดหู่ตรงนี้ไปได้ครับ การนอนก็อาจจะต้องตั้งเวลาและพยายามฝืนตื่นขึ้นมานะครับ โดยการนอนที่เพียงพอนั้นควรจะอยู่ที่ประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นครับ
อีกหนึ่งวิธีที่อาจจะสามารถช่วยได้ก็คือการพูดคุยกับเพื่อนหรือบุคคลในครอบครัวที่น้องไว้ใจนะครับ การพูดคุยเรื่องอารมณ์ความรู้สึกออกมาจะช่วยให้เราสบายใจขึ้นได้ในระดับหนึ่งครับ แต่หากสุดท้ายแล้วรู้สึกว่าไม่พร้อมที่จะเปิดเผยเรื่องราวกับใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือบุคคลในครอบครัว ตัวน้องก็สามารถที่จะมาหาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้ด้วยตนเองครับ โดยสามารถโทรไปสอบถามตามโรงพยาบาลใหญ่ๆดูว่ามีแผนกจิตเวชวัยรุ่นหรือไม่นะครับ โดยเรื่องค่าใช้จ่ายก็อาจจะสามารถตรวจสอบสิทธิประกันสุขภาพของน้องเองได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างครับ
http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml
ซึ่งเมื่อน้องมีสิทธิอยู่ที่โรงพยาบาลใดก็สามารถไปที่โรงพยาบาลนั้นๆได้ แต่หากว่าโรงพยาบาลที่มีสิทธิอยู่ไ่ม่มีบริการด้านจิตเวช ทางโรงพยาบาลสามารถออกใบส่งตัวเพื่อให้น้องได้พบกับจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลอื่นที่น้องสะดวกได้ครับ สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ไปนะครับ และหากมีข้อคำถามใดๆเพิ่มเติมก็สามารถถามมาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
เบื้องต้นลองสำรวจอาการด้วยการทำแบบประเมินซึมเศร้าด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ โดยในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7 วัน 1 คะแนน
≥7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
5. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
6. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
7. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวผิดหวัง
8. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
9. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
10. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
จากนั้นรวมคะแนน หากได้มากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป ก็อาจเข้าข่ายภาวะซึมเศร้าได้ค่ะ แนะนำให้พบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางโรคจะช่วยให้อาการดีขึ้น ปรับตัวได้มากขึ้น ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติอีกครั้งนะคะ
การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดีคือการรักษาด้วยยาในกลุ่มต้านเศร้าเป็นหลัก และอาจมีการรักษาด้วยการทำจิตบำบัดตามสภาพปัญหาค่ะ ในกรณีที่ไม่พร้อมจะปรึกษาคนใกล้ชิด หนูสามารถไปพบจิตแพทย์ได้ด้วยตัวเองนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่ะค่ะ คือว่าหนูอายุ16ปี มีอาการแบบนี้ตั้งแต่ช่วง14-15 แต่มาหนักช่วง16 เป็นอาการที่อยู่ๆก็เศร้าขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ จุกเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก อยากตาย ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว มีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองบางครั้งแต่ก็พอรู้สึกตัวเลยตัดสินใจไม่ทำ บางทีก็รู้สึกเหนื่อยมาก รู้สึกเบื่อรอบข้าง ชอบนอนมาก มีเวลาว่างก็นอน ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านเท่าไหร่ อยากอยู่บ้านมากกว่าออกไปไหน กินเยอะพอควร แต่น้ำหนักไม่ขึ้นนะคะ บางทีก็ขึ้นๆลงๆระหว่าง39-40ไม่เกินหรือต่ำกว่านี้ค่ะ บางทีก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว ถ้าคิดมากจะปวดหัวมากเลยค่ะ เวลาปวดบางทีมันจะปวดตรงกระหม่อมแล้วเลื่อนมาถึงตาและปวดงั้นอยู่นานจนต้องกินยาแก้ปวดแล้วหลับไป แล้วช่วงนี้จะหน้ามืดบ่อยมากเลยค่ะ ลุกออกจากเตียงก็คือหน้ามืดไปเลย บางครั้งเดินอยู่ดีๆก็หน้ามืด ไม่ทราบว่าหนูเป็นอะไรหรอคะ จะปรึกษาครอบครัวก็ไม่กล้าด้วยค่ะ ขอความกรุณาด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)