June 17, 2018 10:41
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการปวดศีรษะเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ หนึ่งในนั้นคือความเครียดหรือความวิตกกังวล งจะกระตุ้นให้ร่างการหลั่งสารเคมีบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อร่างกายค่ะ ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิด แม้กระทั่งรบกวนการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้ค่ะ
สาเหตุอื่นๆ ที่พบบ่อย ๆ จะเป็นการปวดของไมเกรน หรือปวดแบบ tension headache หรือ cluster headache ซึ่งเป็นอาการปวดศีรษะแบบไม่มีความผิดปกติของสมอง แต่ก็มีความผิดปกติของสมอง ที่ทำให้ปวดหัวได้ เช่น มีเนื้องอก หลอดเลือดในสมองผิดปกติ ถ้ามีความผิดปกติร่วม เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือชาเป็นซีก ชักเกร็ง อาเจียนพุ่ง หน้าเบี้ยวปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ควรไปพบแพทย์เนื่องจากเป็นอาการที่บางบอกว่ามีความผิดปกติในสมองค่ะ
ส่วนสาเหตุของเลือดกำเดาไหลอาจเกิดจากเส้นเลือดฝอยหรือเส้นเลือดใหญ่ภายในจมูกแตก ซึ่งเลือดกำเดาไหลทั่วไป มีสาเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้ ล้วงหรือแคะจมูก จามบ่อย ๆ สั่งน้ำมูกแรงเกินไป จมูกได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง หรือการประสบอุบัติเหตุ
อุณหภูมิและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในอากาศหนาว หรืออากาศแห้ง การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทำให้โพรงจมูกแห้ง อย่างกลุ่มยารักษาโรคภูมิแพ้ ยารักษาไข้หวัด รวมทั้งยารักษาไซนัสอักเสบ เช่น ยาต้านฮิสตามีนและยาแก้คัดจมูก และการใช้ยาแอสไพรินในปริมาณมาก แต่หากมีเลือดกำเดาไหลบ่อย ๆผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการป่วยรุนแรงหรือความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งมีโอกาสพบได้ไม่บ่อยนัก เช่น มีสิ่งแปลกปลอมติดค้างอยู่ภายในจมูก ปฏิกิริยาแพ้ต่อสารเคมี โรคภูมิแพ้ หรือปฏิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะเลือดออกผิดปกติ ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคฮีโมฟีเลย เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติของร่างกายส่งผลทำให้เลือดไม่แข็งตัว ภาวะหลอดหลอดเลือดแข็ง การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน การเกิดมะเร็งในโพรงจมูกเป็นต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ปวดหัวบ่อยและมีเลือดกำเดาไหลจะเสี่ยงเป็นโรคอะไรไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)