แม้ว่าการมีเลือดกำเดาไหลสามารถทำให้เรารำคาญใจได้ โดยเฉพาะถ้ามันเกิดขึ้นตอนกลางคืน แต่ก็มักไม่ทำให้เกิดอันตราย ซึ่งคนส่วนมากก็น่าจะเคยมีประสบการณ์ที่ว่าอย่างน้อย 1 ครั้ง และมักพบได้บ่อยในเด็กที่ดึงหรือขยี้จมูกบ่อยครั้งในระหว่างนอน สำหรับบทความในวันนี้ เราจะพาคุณไปดูสาเหตุ วิธีรักษา และวิธีป้องกันเลือดกำเดาไหล
สาเหตุที่ทำให้เลือดกำเดาไหล
ภายในจมูกของเราถูกปกคลุมไปด้วยเนื้อเยื่อเมือกที่ชื้นและบอบบาง ซึ่งมีเส้นเลือดแดงอยู่ใกล้พื้นผิวเป็นจำนวนมาก หากเนื้อเยื่อเหล่านี้บาดเจ็บเล็กน้อย มันก็สามารถทำให้เลือดไหล และในบางครั้งเลือดก็จะไหลออกมาเป็นจำนวนมาก สำหรับสาเหตุทั่วไปที่ทำให้เสี่ยงต่อการมีเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืนมีดังนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
1.อากาศหรือสภาพแวดล้อมแห้ง
อากาศแห้งสามารถทำให้ผิวที่บอบบางภายในจมูกแห้งแตก ทำให้เลือดไหลได้ในที่สุด อย่างไรก็ดี เลือดกำเดาไหลมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเมื่ออากาศเปลี่ยนหรือก่อนที่เนื้อเยื่อในจมูกจะปรับสภาพให้เข้ากับความชื้นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง อย่างไรก็ดี การเปิดฮีทเตอร์ในช่วงฤดูหนาวสามารถทำให้อากาศภายในบ้านแห้งได้
2.โรคหวัดธรรมดาและโรคภูมิแพ้
โรคหวัดธรรมดาและการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจส่วนบนสามารถทำให้เมือกเพิ่มขึ้น และทำให้เราจามบ่อยกว่าเดิม นอกจากนี้ปฏิกิริยาแพ้ก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ซึ่งมันจะทำให้เกิดการระคายเคืองภายในจมูก และเสี่ยงต่อการมีเลือดกำเดาไหลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะถ้าอาการแย่ลงตอนกลางคืน นอกจากนี้การมีอาการคัดจมูกสามารถทำให้เส้นเลือดขยายตัว และนั่นก็จะทำให้เสี่ยงต่อการบาดเจ็บมากขึ้น
3.การสัมผัสกับสารเคมี
การสัมผัสกับสารเคมีไม่ว่าจากมลภาวะในอากาศหรือในที่ทำงานก็ล้วนแต่ทำให้ภายในจมูกของเราระคายเคืองและเสียหาย ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดเลือดกำเดาไหล นอกจากนี้การสูบบุหรี่ก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
4.ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเลือดกำเดาไหลในตอนกลางคืน อันดับแรกคือ แอลกอฮอล์จะไปขัดขวางกิจกรรมของเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำให้เลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม นอกจากนี้แอลกอฮอล์สามารถทำให้เส้นเลือดในโพรงจมูกขยายตัว และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและมีเลือดไหล
5.ยา
ยาบางชนิดสามารถขัดขวางความสามารถในการแข็งตัวของเลือด ตัวอย่างเช่น ยาเจือจางเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์อย่างแอสไพรินและไอบูโพรเฟน อย่างไรก็ดี คนที่ทานยาเหล่านี้อาจเสี่ยงต่อการเกิดเลือดกำเดาไหลสูงขึ้น นอกจากนี้เลือดกำเดาไหลยังเป็นผลข้างเคียงของสเปรย์พ่นจมูกบางชนิดที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
วิธีรักษาเลือดกำเดาไหลที่บ้าน
- เด็กที่มีอายุมากและผู้ใหญ่ควรสูดจมูกเพื่อกำจัดลิ่มเลือดที่อาจก่อตัวขึ้นในจมูก แต่การทำขั้นตอนนี้อาจทำให้เลือดไหลมากขึ้นชั่วคราว
- นั่งลง งอตัวเล็กน้อยจนอยู่ในตำแหน่งเอว และหลีกเลี่ยงการนอนราบหรือเอนศีรษะไปด้านหลัง เพราะมันจะทำให้เลือดไหลลงคอ และเกิดการสำลักหรืออาเจียน
- จับจมูกส่วนที่นิ่ม และออกแรงกดทั้งสองข้าง
- เด็กและผู้ใหญ่ควรบีบจมูก 5 นาทีติดต่อกันตามลำดับ และหายใจผ่านทางปาก
- การประคบเย็น หรือใช้ไอซ์แพคที่สันจมูกอาจช่วยชะลอการไหลของเลือด
- หากเลือดยังไม่หยุดไหล ให้คุณทำซ้ำตามที่เรากล่าวไปอีกครั้ง และออกแรงกดอีกอย่างน้อย 30 นาที
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถรักษาเลือดกำเดาไหลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายที่บ้าน หากเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก หรือมีบางอาการเกิดขึ้นร่วมด้วย คุณก็ควรรีบไปพบแพทย์ สำหรับตัวอย่างอาการที่ว่า เช่น หายใจลำบาก ตัวซีด อ่อนเพลีย งุนงงสับสน มีเลือดไหลไปยังบริเวณอื่นๆ หรือมีรอยช้ำหลายที่ เพิ่งผ่าตัดจมูกเมื่อไม่นาน มีเนื้องอก เจ็บหน้าอก มีเลือดไหลออกทางจมูกบ่อยครั้ง มีของเหลวที่มีกลิ่นเหม็น ฯลฯ
วิธีป้องกันเลือดกำเดาไหล
- หลีกเลี่ยงการแคะจมูก
- เป่าลมออกจากจมูกไม่ให้รุนแรงเกินไป
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในช่วงฤดูหนาวเมื่ออากาศภายในบ้านแห้ง
- ป้ายเจลสำหรับจมูกหรือปิโตรเลียมเจลภายในรูจมูกก่อนเข้านอน
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันในที่ทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมสารเคมี และสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองอื่นๆ
ที่มา: https://www.medicalnewstoday.c...322333.php