March 13, 2019 01:24
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ตามข้อมูลที่กล่าวมา เมื่อต่อแผง 2 ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ถามเริ่มต้นใช้เม็ดที่ 8 ของแผงใช่มั้ยคะ (เนื่องจากให้ข้อมูลว่า "ในวันที่ 19/2/19 ได้กินยาคุมออยเลซเม็ดสีขาวไปเม็ดที่ 4")
หากเป็นไปตามนี้ การต่อยาคุมแผงที่ 2 โดยไม่เว้นว่าง ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยค่ะ จึงควรพิจารณาหาสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้
2. ส่วนการรับประทานที่ไทยและสิงคโปร์ โดยเปลี่ยนเวลาตามท้องถิ่น ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบใด ๆ เนื่องจากเมื่อเทียบเวลาตามประเทศไทยแล้วก็ถือว่าเป็นเวลาเดียวกัน ซึ่งหมายถึงผู้ถามมีการรับประทานตรงเวลานั่นเองนะคะ
3. จากข้อมูลที่ให้มา ได้แก่ 1. การต่อยาคุมแผงใหม่โดยไม่เว้นว่างโดยเริ่มรับประทานเม็ดสีขาวของแผงที่สอง และ 2. การเปลี่ยนเวลารับประทานตามเวลาท้องถิ่นของสิงคโปร์ ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเกิดเลือดออกกะปริบกะปรอยค่ะ รวมถึงไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาด้วยนะคะ
นั่นคือ การมีเพศสัมพันธ์ตามที่กล่าวมา มีโอกาสตั้งครรภ์น้อย คือ 0.3 - 9% ตามประสิทธิภาพของยาคุมรายเดือนค่ะ และความเสี่ยงน่าจะค่อนไปทางต่ำ ตามการรับประทานที่ตรงเวลา หากไม่มีสาเหตุอื่น ๆ ที่ลดประสิทธิภาพของยาคุมนะคะ
หากไม่พบสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ ก็เป็นไปได้ว่าเป็นเลือดกะปริบกะปรอยที่พบในช่วงแผงแรก ๆ ของการใช้ (1 - 3 แผงแรก) ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะหายไปเองเมื่อรับประทานยาคุมต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
4. เลือดที่ออกมาหลังหยุดรับประทานยาคุม คือ 24 - 26 กุมภาพันธ์ มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยใช่มั้ยคะ เลือดดังกล่าวน่าจะเป็นประจำเดือนนั่นเองค่ะ
ซึ่งเมื่อมีประจำเดือนมาแล้ว ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนะคะ
5. แต่เนื่องจากไม่ทราบข้อมูลว่าผู้ถามได้ใช้ยาคุมออยเลซแผงที่ 3 หรือไม่ หรือเริ่มใช้เมื่อไหร่ จึงไม่ทราบความเสี่ยงของการตั้งครรภ์หลังจากประจำเดือนมาในครั้งล่าสุด มาจนถึงปัจจุบันค่ะ
หากไม่ได้ใช้ยาคุมต่อ ก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดจากยา ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่ไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมออยเลซ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตามปกติ (แต่ถ้ายังไม่มีเพศสัมพันธ์อีกเลย ก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นะคะ)
และถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็ควรจะมาตามรอบปกติเดิม ซึ่งต้องพิจารณาประวัติก่อนที่ผู้ถามจะใช้ยาคุมออยเลซค่ะ เช่น ถ้าเดิมก็มีประจำเดือนมาทุก ๆ 28 วัน เมื่อหยุดใช้ยาคุมแล้ว ประจำเดือนก็ควรจะมาห่างจากครั้งล่าสุด (24 กุมภาพันธ์) ประมาณ 28 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ (หรือถ้าเดิมผู้ถามมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว ก็อาจจะมีปัญหาเดิมต่อ จึงคาดการณ์วันที่ควรจะมีประจำเดือนมาได้ยากนะคะ)
แต่หากผู้ถามต่อยาคุมแผงที่ 3 ตามกำหนดในวันที่ 1 มีนาคม ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องมาทุกวันค่ะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ โดยมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยตามที่กล่าวไปข้างต้น และควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง 6 วันก่อนต่อยาคุมแผงที่ 4 นั่นเองค่ะ
6. อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามกังวลใจว่าจะตั้งครรภ์ หรือไม่มีประจำเดือนมาตามที่ควรจะเป็น สามารถตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความชัดเจนได้นะคะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะคุณหมอ เมื่อเดือนกพ.ดิฉันได้กินยาคุมยี่ห้อออยเลซไปหมดแผง(22เม็ด) เริ่มกินเม็ดแรก วันที่25/1/19 ตอนประจำเดือนมาวันแรก ยาหมดเม็ดสุดท้ายวันที่ 15/2/19 แล้วกินต่อแผงที่2โดยไม่ได้เว้น6วัน เพราะต้องการเลื่อนการมีประจำเดือน แล้วในวันที่17/2/19 ดิฉันมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแฟนปล่อยใน ทั้ง2รอบ แต่ปรากฎว่า ในวันที่ 19/2/19 ซึ่งได้กินยาคุมออยเลซเม็ดสีขาวไปเม็ดที่4 ก็มีเลือดออกกะปริดกะปรอยมาตลอด จนมาหยุดกินเม็ดสีขาวในเม็ดที่7 (หยุดกินระหว่างแผง) ซึ่งตรงกับวันที่ 22/2/19 เพราะเลือดเริ่มออกเยอะขึ้น แต่เลือดออกมาเยอะจริงๆคือ 24-26/2/19 และหลังจากนั้นก็มีเลือดออกกะปริดกะปรอยมาเรื่อย จนหมดสนิทในวันที่1/3/19 ดิฉันอยากทราบว่าแบบนี้ดิฉันจะท้องไหมค่ะ อีกอย่างเอายาคุมไปกินที่สิงคโปร์ซึ่งเวลาเร็วกว่าไทย1ชม. ปกติอยู่เมืองไทย จะกินเวลา22.20น. แต่เอาไปกินที่นั่นดิฉันกินเวลา23.20น. เลยไม่แน่ใจว่าทำไมถึงมีเลือดออกขณะที่กินยาคุมอยู่ ทั้งๆที่กินตามคำแนะนำในกล่องยาแล้ว แบบนี้การคุมกำเนิดจะมีประสิทธิภาพไหมค่ะ แล้วรอบเดือนเดือนมี.ค.จะมาประมาณวันที่เท่าไหร่ค่ะ รบกวนคุณหมอช่วยตอบด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)