ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแล้วประจำเดือนจะมาตอนใหน

ยาคุมฉุกเฉิน แม้ว่าอาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยค่ะ โดยมักเร็วหรือช้ากว่าปกติไม่เกิน 7 วัน ดังนั้น ประจำเดือนก็จะมาตามรอบเดิมตามที่คาดไว้นะคะ

แต่ภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ผู้ใช้บางรายอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอย เป็นเลือดหยดติดซึมกางเกงชั้นใน นั่นเป็นผลข้างเคียงของยานะคะ ไม่ใช่เลือดประจำเดือน บางคนก็มีอาการ บางคนก็ไม่มีอาการ ไม่ว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยหรือไม่ ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ เป็นแค่ผลข้างเคียงจากยาเท่านั้นค่ะ

ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงนักค่ะ แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25%

ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% จึงไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติเพียงเพราะไม่อยากใช้ถุงยางนะคะ เพราะเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและเกิดการตั้งครรภ์ได้มากกว่าหลายเท่า

และเมื่อไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ใช้ปัสสาวะแรกของวัน และตรวจห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

ซึ่งหากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดคือ 31 มีนาคม ผู้ถามก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ในวันพรุ่งนี้ได้เลยนะคะ

ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานมากค่ะ ดังนั้น แม้จะรับประทานไปแล้วก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่ตั้งครรภ์นะคะ และยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน การมีเพศสัมพันธ์อีกโดยไม่ป้องกันจึงเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้สูง

แต่หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ ซึ่งประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

และแทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อประจำเดือนในรอบถัดไปเลยค่ะ

แต่ผู้ใช้บางราย อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งเลือดดังกล่าวเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา ไม่ใช่ประจำเดือน และอาจเกิดขึ้น หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร

ดังนั้น...

1. หากเลือดที่ออกมาในช่วงปลายเดือนเมษายน มีลักษณะตรงกับประจำเดือนตามที่กล่าวไปข้างต้น ก็น่าจะเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบปกติ ซึ่งเมื่อมีประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

และถ้าผู้ถามไม่มีเพศสัมพันธ์อีกเลย ก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์แล้วค่ะ

2. แต่ถ้าเลือดที่ออกมาในช่วงปลายเดือนเมษายน เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา ก็ถือว่าผู้ถามมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ ทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับประทานยาคุมฉุกเฉิน และการมีเพศสัมพันธ์หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว

ดังนั้น เมื่อไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ ก็ควรตรวจให้ชัดเจนค่ะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงค่ะ แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ผู้ใช้ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ จึงไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เพราะเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จได้มากกว่าหลายเท่า

หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงเวลา หรือคลาดเคลื่อนไม่กี่วันค่ะ

ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร

ดังนั้น ในกรณีของผู้ถาม ต้องพิจารณาว่าถึงรอบประจำเดือนปกติเดิมแล้วหรือยังนะคะ ถ้ายัง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะยังไม่มีประจำเดือนมาค่ะ จึงต้องรอดูไปก่อนว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิมหรือไม่

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือถ้ากังวลใจ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ