สวัสดีค่ะ ดิฉันอายุ 26 ปี มีอาการปวดท้องประจำเดือน มาตั้งแต่อายุ 14 ปี มีอาการปวดท้องน้อย ในวันที่ประจำเดือนมาค่ะ 3-4 ปีแรก ทนอาการปวดได้ ไม่ค้องกินยา แต่พอหลังจากนั้น ประมาณ อายุ 18 ปี เริ่มทานยาแก้ปวดค่ะ 1-2 วันแรกที่ประจำเดือนมาทแต่ก็ไม่ทุกเดือนนะคะ ที่ทาน ช่วงหลังมานี้ เข้าสุ่วัยทำงาน เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับอาการที่เป็น จึงไปพบสูตินาทีแพทย์ คุณหมอ ตรวจภายในค่ะ พบว่า มีซี้ดเล็กๆที่ด้านขวา และมีผังผืดที่มดลูก หรือรังไข่นี่แหละค่ะ ไม่แน่ใจ หมอบอกว่า ด้านซ้าย มดลูกค่อนข้างเบี้ยวไปทางด้านหลัง เนื่องจากการยึดเหนี่ยวของผังผืดค่ะ ดิฉันตกใจมาก ค่อนข้างกังวลเลยทีเดียว คุณหมอแจ้งว่า วิธีการรักษาคือ 1. ต้องผ่าตัดออก (แบบส่องกล้อง) แต่โอกาสจะกลับมาเป็นได้อีกในอนาคต แต่ถ้าผ่าตัดแล้ว ควรมีลูกทันที ซึ่งตอนนี้ดิฉันยังไม่แต่งงานค่ะ 2. อาจจะกินยาระงับอาการปวด หรือยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนค่ะ ท้ายสุดแล้ว ดิฉันได้ยาคุมมาทาน ชื่อยา เมอซิลอน ( 28 เม็ด) เริ่มทาน วันที่ 28 สิงหาคม (วันแรกที่ปจด.มา) และปจด หมด วันที่ 3 กันยายนค่ะ และไม่ได้ทานยาคุมต่อจนถึงวันนี้ค่ะ ซึ่งเมื่อตอนเช้า ประมาณ 9โมง ปจด. มาค่ะ ไหลนิดเดียวสีเข้มๆ เลยงงมาก ว่าทำไมถึงมีปจด ไหลออกมาอีก ดิฉันผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าคะ? คำถามคือ 1. ดิฉันต้องทานยาคุมต่อเนื่องไปจนหมดแผงไหมคะ? และถ้าหมดต้องซื้อทานต่อเนื่องไหมคะ 2. คุณหมอ แจ้งว่ามีแนวโน้มต้องผ่าตัดในอนาคตถ้าปวดมากๆ ถึงขั้นทนไม่ไหว ซึ่งค่าใช้จ่ายประมาณ 1แสน 4 หมื่นบาทค่ะ (แบบส่องกล้อง) ถ้าจ่ายเงินสด หรือจ่ายเอง ดิฉันไม่ไหวแน่ๆค่ะ และพึ่งทำประกันสุขภาพไว้ คุ้มครองการผ่าตัดนะคะ แต่ทางประกันแจ้งว่า หากต้องการเคลมเรื่องการผ่าตัดนี้ ต้องไม่มีประวัติการรักษา 2 ปี นับจากวันที่สมัคร นั่นหมายความว่า ดิฉันจะทำการผ่าตัดได้ก็ช่วง วันที่ 20 กย 2564 เป็นต้นไปค่ะ (ทำประกันหลังตรวจพบโรคนี้) คำถามคือ ดิฉันจะสามารถดูแลตัวเองได้ไหมคะใน2ปีนี้โดยไม่พบคุณหมอ และมีวิธีการอย่างไรคะ? เพิ่มเติม** ตอนนี้มีเลือดปจด.ไหลกระปริบกระปรอย และปวดหลังด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ