July 19, 2019 07:57
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ ปกติแล้วยาคุมกำเนิดแบบรับประทานจะมีประสิทธิภาพในการคุม 91-99.7% หรือมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3-9% ประสิทธิภาพจะมากน้อยขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการทาน ถ้าทานยาคุมกำเนิดทุกวัน ไม่ลืมทาน ทานตรงเวลาหรือใกล้เคียงเวลาเดิมมากที่สุดไม่เกิน 2ชั่วโมง ยาคุมจะมีประสิทธิภาพในการคุมสูงถึง 99.7% กรณีประจำเดือนขาด 2 เดือนหมอแนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูค่ะ โดยตรวจได้ในตอนเช้าหรือปัสสาวะแรกของวันจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด สำหรับอาการหน้าอกใหญ่ขึ้นและเจ็บใต้รักแร้ไม่ใช่อาการเฉพาะของการตั้งครรภ์ค่ะ ส่วนสาเหตุอื่นๆที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือประจำเดือนผิดปกตินอกจากการตั้งครรภ์ เช่น
-ระดับฮอร์โมนผิดปกติ หรือไม่มีการตกไข่
-เกิดความเครียด เป็นโรควิตกกังวล โรคอารมณ์แปรปรวน
-น้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป ขาดสารอาหาร ออกกำลังหายหักโหมจนเกินไป
-จากการคุมกำเนิด เช่น จากการฝังยาคุมกำเนิด จากการทานยาคุมหรือฉีดยาคุมไปนานๆ
-ผิดปกติทางโครงสร้างของมดลูก
-ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
-มีเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไต หรือรังไข่
-ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (polycystic ovary syndrome)
-ภาวะพังผืดในมดลูก (Asherman's syndrome)
-วัยที่เข้าใกล้วัยหมดประจำเดือน
-จากยาบางชนิด จากยาเคมีบำบัด จากการฉายรังสี
-โรคเรื้อรังบางชนิด หรือ จากการเจ็บป่วย
ยังไงถ้าตรวจตั้งครรภ์แล้วไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์และประจำเดือนขาดนานเกิน 3 เดือนแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุประจำเดือนขาดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ดิฉันอายุ 45 ปีเคยฉีดยาคุมมาประมาณ 20ปีแต่หันมาทานยาแทนประจำเดือนก็มาปกติและตอนนี้เปลี่ยนยามาเป็นยี่ห้อไดร์แอนได้ 2 เดือนกว่าแต่ประจำเดือนยังไม่มาเลยและมีอาการหน้าอกใหญ่ขึ้นและเจบใต้รักแร้ดิฉันจะทัองไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)