October 04, 2019 01:44
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยแล้วจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2-15% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความถูกต้องของการใช้งานครับ ถ้าหากไม่ได้เห็นว่าถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วอย่างชัดเจนก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยมาก
แต่ถ้าหากสังเกตเห็นว่าถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วก็อาจรับประทานบาคุมฉุกเฉินเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนได้ครับ โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์นั้นก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจได้ โดยให้ตรวจห่างจากกาามีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่มีการตั้งครรภ์หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินหาสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก่อน เนื่องจากในการรักษานั้นไม่จำเป็นต้องให้ยาปรับฮอร์โมนเสมอไปเพราะจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอด้วยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มีเพศสัมพันธ์กับแฟน ใส่ถุงยางทุกครั้ง หลั่งในถุงข้างนอกทุกครั้ง แต่ส่วนตัวดิฉันแล้วเป็นคนประจำเดือนมาไม่ปกติ คือมา 2 เดือน ไม่มา 2 เดือน เป็นตั้งแต่ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ จะสามารถกินยาปรับฮอร์โมนได้มั้ยคะ วันนี้มีอะไรกันครั้งล่าสุด หลั่งนอก ใส่ถุงยางเหมือนเดิม แต่แฟนบอกตอนล้างน้องชายมีคราบสีขาวๆติดอยู่ที่น้องชาย ดิฉันจะมีความเสี่ยงที่จะท้องมั้ยคะ เพราะประจำเดือนตอนนี้ก็ยังไม่มา พุงไม่ยุบ เจ็บท้องน้อยอ่อนๆ แต่ส่วนตัวเป็นคนนอนดึกทุกวัน เครียดบ่อย พึ่งหายจากอาการเป็นไข้หวัด จะเกี่ยวกันมั้ยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)