March 10, 2017 13:46
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
ผลข้างเคียงของเม็ดยาคุมกำเนิดมีดังนี้ค่ะ
1.คลื่นไส้อาเจียน
อาการเกิดหลังจากทานยาได้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง อาการดังกล่าวเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่อยู่ในเม็ดยามีขนาดสูงเกินไป มักเกิดได้ภายในช่วง 2-3 เดือนแรกของการทานยาใหม่ๆ หลังจากทานยาผ่านไปแล้วช่วงหนึ่ง อาการดังกล่าวก็จะค่อยๆบรรเทาลง ถ้าลองทนใช้ยาไปแล้ว 2-3 แผงอาการยังไม่หาย ให้เปลี่ยนยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนขนาดต่ำแทน
2.น้ำหนักตัวเพิ่ม
เกิดจากเอสโตรเจนทำให้เกิดการคั่งของน้ำและไขมันใต้ผิวหนังทำให้รู้สึกว่าตัวอ้วนขึ้น ในขณะที่โปรเจสโตเจนทำให้รู้สึกอยากรับประทานอาหารมากยิ่งขึ้น
ปัญหานี้อาจบรรเทาได้โดยเปลี่ยนไปใช้เลือกใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนทั้งสองชนิดในขนาดต่ำลง
3.ปวดศีรษะแบบไมเกรน
ฮอร์โมนในยาเม็ดคุมกำเนิดโดยเฉพาะเอสโตรเจนทำให้มีการคั่งของน้ำและเกลือ ทำให้เกิดการปวดศีรษะได้ ดังนั้นถ้าเป็นไมเกรนมาก่อนควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
4.หน้าเป็นฝ้า
เกิดจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจนในยาเม็ดที่ไปเร่งขบวนการเม็ดสีของการเกิดฝ้าขึ้น ถ้าเริ่มเป็นฝ้า ต้องพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนต่ำ
5.หน้าเป็นสิว
เกิดจากยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์ของแอนโดรเจนต่ำ ให้รับประทานยาเตตร้าซัยคลิน วันละ 1 เม็ด เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อสิว และอาการดังกล่าวจะค่อยลดลงไปเองเมื่อใช้ยาคุมไปได้ระยะหนึ่ง
6.มีเลือดออกกระปริบกระปรอยระหว่างรอบเดือน
เนื่องมาจากร่างกายของคุณมีการตอบสนองฮอร์โมนจากเม็ดยาและทำให้ระดับฮอร์โมนส่วนตัวในร่างกายเปลี่ยนไป มักเกิดกับผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแผงแรกๆ อาจเกิดจากการรับประทานยาไม่ถูกวิธี เช่น ไม่ตรงเวลา หรือลืมรับประทานยา หรืออาจได้รับยาอื่นร่วมด้วย เช่น ยาต้านเชื้อ ยาแก้ชัก ยาระงับประสาท ยาแก้แพ้ ยาขับปัสสาวะ
7.เลือดประจำเดือนมาน้อย
เกิดจากรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดมาเป็นเวลานานๆ หรือสตรีที่มีรอบเดือนไม่สม่ำเสมอมาอยู่ก่อนแล้ว สามารถแก้ไขได้โดยรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนสูงขึ้น
8.เลือดประจำเดือนมามาก
อาจมีสาเหตุมาจากการขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หรือมีเอสโตรเจนมากเกินไปในเม็ดยา แก้ไขได้โดยรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนในกลุ่มโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น หรือยาคุมที่มีฤทธิ์เอสโตรเจนลดลง
ในคนไข้บางรายอาจเกิดความผิดปกติภายในในอุ้งเชิงกราน คุณควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา
9.เลือดประจำเดือนไม่มา
อาจเกิดจากการที่คุณผู้หญิงลืมรับประทานยาแล้วงเกิดการตั้งครรภ์ ให้ลองตรวจสอบว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ถ้าตั้งครรภ์ให้หยุดใช้ยาทันที ถ้าไม่ตั้งครรภ์ให้รับประทานต่อไปอีก 1 แผง ถ้าประจำเดือนไม่มาอีก ให้เปลี่ยนเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนสูงขึ้น
บางทีอาจเกิดจากการรับประทานยาอื่นร่วมไปด้วย ซึ่งมีผลต่อยาคุม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อปรับเปลี่ยนยา สุดท้ายอาจเกิดจากได้รับยาเม็ดที่มีเอสโตรเจนน้อยเกินไปทำให้เยื่อบุมดลูกเจริญไม่เต็มที่ ให้เปลี่ยนไปใช้ยาที่มีปริมาณเอสโตรเจนสูงขึ้น
10.ความดันโลหิตสูงขึ้น
โดยไม่เกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตบ่อยๆ และเปลี่ยนไปใช้ยาที่มีการลดปริมาณเอสโตรเจนจาก 30 ไมโครกรัม ให้เหลือแบบ 20 ไมโครกรัมแทน
11.เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ได้แก่เกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวลมากขึ้น เป็นผลมาจากโปรเจสโตเจนสูง ควรไปหาแพทย์เพื่อขอรับการบำบัด
12.อาการอื่นๆ
ที่อาจพบบ้างได้แก่ ปวดประจำเดือน ปวดขา เส้นเลือดขอด อ่อนเพลีย ความรู้สึกทางเพศลดลง แต่ปัจจุบันยาคุมกำเนิดได้รับการพัฒนาขึ้นมากและลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
Reference:
ภญ.พูลสุข จันทร์วัฒนเดชากุล วิธีแก้ไขอาการข้างเคียงจากยาเม็ดคุมกำเนิด เดลินิวส์ 4 กรกฎาคม 2542
นพ. รุ่งโรจน์ ตรีนิติ, e-lib.com, ยาเม็ดคุมกำเนิด
Oral Contraceptives, www.oralcontraceptives.com
Oral Contraceptives, Medline Plus
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ววันต่อมาคือจะอ้วกแล้วปวดหลังจี๊ดๆ เผ็นอะไรหรือป่าวค่ะ หรือท้อง
เปลี่ยนยาคุมแล้วรู้สึกปวดศีรษะบ่อยๆ ยาคุมมีผลไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)