ปกติประจำเดือมาน้อยคะ แต่ก็มาครบ 3 วัน จนมาทานเมอซิลอน21 ทานมาได้ปีกว่าๆ 3-4 เดือนที่ผ่านมาประจำเดือรมาน้อยลงคะ บางเดือนเหลือ 2 วัน ปรึกษาเภสัชแถวบ้าน แนะนำให้ทานมินิดอส ทานได้ไหมคะ (ทานเมอซิลอนไม่คลื้นไส้ไม่อาเจียนไม่ปวดหัว นน.ไม่ขึ้น สิวมีบ้างคะ หน้ามันเหมือนเดิม แค่ประจำเดือนมาน้อย) แต่หนุเว้นมาได้ 5วัน ประจำเดือนมาวันที่6 เภสัชบอกไห่ทานยาได่เลย ในคืนวันที่6 (คืนนี้) - ถ้าหนุเปลี่ยรจะเปนไรไหมคะ - การเว้นวันถุกต้องไหมคะ - ทานต่อไดืเลยไช่ไหมคะ

1. ผู้ถามสามารถเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิดได้ค่ะ เพราะหากใช้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็ไม่แตกต่างกันนะคะ แต่เนื่องจากไม่ทราบว่าต้องการเปลี่ยนด้วยเหตุผลใดกันแน่ จึงไม่สามารถแนะนำได้ว่าเปลี่ยนแล้วจะแก้ปัญหาได้ตามที่ต้องการหรือไม่

2. การต่อยาคุมแผงใหม่ ไม่ว่าจะใช้ยี่ห้อเดิม หรือจะเปลี่ยนยี่ห้อใหม่ก็ตาม ใช้หลักการเดียวกันเลยนะคะ นั่นคือ ถ้าแผงเดิมเป็นแบบ 21 เม็ด หมดแผงก็เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ค่ะ

ดังนั้น เมื่อแผงเดิมของผู้ถามเป็น "เมอซิลอน 21" หมดแผงแล้วก็เว้นว่าง 7 วันนะคะ เมื่อมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง ก็ต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเมื่อเว้นว่างครบ 7 วันแล้วได้เลยค่ะ ไม่จำเป็นจะต้องรีบต่อยาคุมแผงใหม่ในวันแรกที่มีประจำเดือนนะคะ

แต่ถ้าผู้ถามรับประทานไปแล้วก็ไม่มีปัญหานะคะ เพราะการต่อยาคุมก่อนกำหนดไม่ได้ลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดค่ะ

แต่เนื่องจากมินิดอซเป็นยาคุมแบบ 28 เม็ด ดังนั้น เมื่อใช้มินิดอซหมดแผง ก็ให้ต่อแผงใหม่ในวันถัดมาเลยนะคะ ไม่ต้องเว้นว่าง 7 วันเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งประจำเดือนมักจะมาประมาณเม็ดที่ 27 - 28 ของแผง หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

1. การใช้ยาคุมกำเนิด แม้จะเป็นสูตรฮอร์โมนรวม ก็ไม่ได้ทำให้เยื่อบุมดลูกหนาตัวมากนักค่ะ สำหรับผู้ที่เคยมีประจำเดือนมามาก อาจรู้สึกว่าประจำเดือนมาน้อยลง โดยเฉพาะเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

เมื่อเยื่อบุมดลูกไม่ได้หนาตัวมากนัก เวลาหลุดลอกตามรอบ ก็จะมีการฉีกขาดของเยื่อบุและหลอดเลือดบริเวณเยื่อบุไม่มากค่ะ เลือดประจำเดือนจึงมีไม่มากนั่นเอง

แต่การที่มีประจำเดือนน้อยลงอันเป็นผลจากยาคุมกำเนิด ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพนะคะ จึงไม่จำเป็นจะต้องรักษาเพื่อทำให้มีประจำเดือนออกมามากขึ้น อีกทั้ง ผลดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นถาวรนะคะ เพราะเมื่อผู้ถามหยุดคุมกำเนิด ผลจากยาคุมก็จะหมดไปค่ะ

โดยปกติ ยาคุมสูตร 24/4 จะมีฮอร์โมนน้อยและมีช่วงปลอดฮอร์โมนสั้น ผู้ใช้จึงมักจะมีประจำเดือนมาน้อยกว่าผู้ใช้ยาคุมสูตร 21/7 นะคะ ดังนั้น การเปลี่ยนจาก "เมอซิลอน" ที่มีปริมาณฮอร์โมนมากกว่าและมีช่วงปลอดฮอร์โมนนานกว่า มาเป็น "มินิดอซ" จึงไม่น่าจะแก้ปัญหาเรื่องประจำเดือนมาน้อยได้ค่ะ

แต่ตามที่กล่าวไปแล้วว่าผลที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น หากต้องการใช้มินิดอซที่ซื้อมาแล้วก็ไม่ต้องกังวล สามารถใช้ได้นะคะ และแผงถัดไปจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเมอซิลอน หรือจะใช้มินิดอซต่อ ก็แล้วแต่ความสะดวกค่ะ

อย่างไรก็ตาม ประจำเดือนมักจะมาหลังใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน ดังนั้น เมื่อใช้มินิดอซ ประจำเดือนของผู้ถามจะมาช้ากว่าสมัยที่ใช้เมอซิลอนค่ะ ไม่ต้องตกใจ

2. สามารถเริ่มใช้มินิดอซในวันครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ได้ตามปกติค่ะ และถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันได้เลย

แต่หากต้องการเริ่มใช้ก่อนครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ คือรับประทานตั้งแต่วันนี้ ก็สามารถทำได้ ไม่ได้กระทบต่อประจำเดือนที่มา และไม่ได้ลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด แต่ไม่ควรทำเป็นประจำ เพราะจะทำให้รอบประจำเดือนสั้นกว่าปกติ (ในช่วงที่ใช้ยาคุม) และเสียเลือดมากกว่าที่ควรจะเป็นนะคะ

โดยปกติ ยาคุมรายเดือน 1 แผง ไม่ว่าจะมีแผงละกี่เม็ด จะมีการใช้ 1 แผง/28 วันค่ะ เช่น ถ้าเดิมใช้แบบ 21 เม็ด หมดแผงก็จะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ แต่ถ้าใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ด หมดแผงก็จะต่อแผงใหม่ได้เลย

ซึ่งหากรับประทานถูกต้องและต่อยาคุมตรงตามกำหนด ใน 1 ปี จะมีประจำเดือนมา 365/28 = 13 ครั้งนะคะ นั่นหมายถึงใน 1 ปี คุณจะใช้ยาคุมรวม 13 แผงค่ะ

แต่ถ้าคุณต่อยาคุมเร็วกว่ากำหนด เช่น สมมติว่าคุณต่อยาคุมทุก 26 วัน (ใช้ยา 21 วัน + เว้นว่าง 5 วัน) และทำเช่นนี้เป็นประจำ ใน 1 ปี จะมีประจำเดือน 365/26 = 14 ครั้ง นั่นคือ ต้องเสียเลือด 14 รอบ และต้องซื้อยาคุมมาใช้ 14 แผงค่ะ แต่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่ต่างกันกับการต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนด

1. หากต้องการเริ่มใช้เลยในคืนนี้ก็สามารถทำได้ค่ะ

2. การใช้ยาคุมกำเนิดถือเป็นการคุมกำเนิดชั่วคราวค่ะ โดยปกติจึงไม่มีการใช้ต่อเนื่องกันนานมาก เพราะเมื่อผู้ใช้พร้อมมีบุตรก็จะหยุดใช้ หรือถ้ามีบุตรเพียงพอแล้วก็จะทำหมันไปเลย

การใช้ยาคุมอาจเพิ่มความเสี่ยงบางอย่างและลดความเสี่ยงบางอย่างค่ะ หากจำเป็นและไม่มีข้อจำกัดก็สามารถใช้ต่อเนื่องไปได้ตลอด อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เช่น ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ควรไปพบสูตินรีแพทย์เป็นประจำ เช่น ปีละ 1 ครั้ง (หรือตามที่คุณหมอนัด) เพื่อพิจารณาการตรวจเพิ่มเติมเพื่อคัดกรองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และประเมินความเหมาะสมในการใช้ต่อเนื่องนะคะ