โรคแอดดิสัน (Addison's Disease)

โรคแอดดิสัน หรือภาวะต่อมหมวกไตทำงานบกพร่องคืออะไร อาการ สาเหตุ การวินิจฉัย การรักษา และการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคนี้
เผยแพร่ครั้งแรก 11 พ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
โรคแอดดิสัน (Addison's Disease)

โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease) หรือภาวะต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง (Primary Adrenal Insufficiency หรือ Hypoadrenalism) คือภาวะผิดปกติชนิดหายากที่ทำให้ต่อมหมวกไตได้รับความเสียหายจนทำให้ไม่สามารถผลิตฮอร์โมน Cortisol และ Aldosterone เพียงพอต่อการใช้งานของร่างกายได้

โรคนี้สามารถเกิดได้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

อาการของโรคแอดดิสัน

โรคแอดดิสัน เป็นโรคที่ตรวจพบได้ยากในระยะต้น เพราะอาการส่วนมากมักใกล้เคียงกับภาวะสุขภาพอื่นๆ เช่น เหนื่อยล้า หมดแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ำหนักลด มีภาวะขาดน้ำ อยากรับประทานอาหารเค็ม หงุดหงิดง่าย เป็นต้น

หากเกิดความเครียด และมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ก็จะทำให้อาการของโรคนี้รุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีอาการ เช่น

  • ความดันโลหิตต่ำขณะลุกขึ้นยืน จนทำให้วิงเวียนหรือหมดสติ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องร่วง
  • ปวดท้อง ปวดหลัง หรือปวดข้อต่อ
  • เหนื่อยล้าเรื้อรัง จนอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้น
  • ความต้องการทางเพศลดลงโดยเฉพาะในผู้หญิง
  • ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติในบางครั้ง หรืออาจทำให้ประจำเดือนขาดหาย
  • การเจริญพันธุ์ช้ากว่าปกติในเด็ก
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycaemia)
  • มีภาวะตกสีน้ำตาล (Hyperpigmentation) บนผิวหนังตามรอยพับส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงบนริมฝีปากและเหงือก

ภาวะรุนแรงของโรคแอดดิสัน

หากเพิกเฉยไม่ทำการรักษาโรคแอดดิสัน จะทำให้ระดับของฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตในร่างกายจะค่อยๆ ลดลง จนเกิดอาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณของภาวะวิกฤติต่อมหมวกไตที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ได้แก่

  • ภาวะขาดน้ำรุนแรง
  • ผิวหนังเย็นและซีด
  • เหงื่อออก หายใจสั้น และถี่
  • วิงเวียน อาเจียน และท้องร่วงรุนแรง
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
  • ปวดศีรษะ ง่วงนอนมากและหมดสติ

สาเหตุของโรคแอดดิสัน

โรคแอดดิสันมักเกิดจากปัญหาด้านระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อชั้นนอกของต่อมหมวกไต (Adrenal Cortex) จนไปยับยั้งการผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ Aldosterone กับ Cortisol แต่ก็มีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ได้แก่

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

  • วัณโรค (Tuberculosis (TB)) : ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลกับปอดเป็นหลัก แต่สามารถลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วย โรคนี้สามารถทำให้เกิดโรคแอดดิสันขึ้นได้หากการติดเชื้อลามไปสร้างความเสียหายที่ต่อมหมวกไต
  • การติดเชื้อ : เช่น เชื้อที่เชื่อมโยงกับ AIDS หรือการติดเชื้อราอื่นๆ
  • การตกเลือด (Haemorrhage) : ภาวะเลือดออกรุนแรงเข้าสู่ต่อมหมวกไต บางครั้งก็มีความเกี่ยวข้องกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือภาวะพิษเหตุติดเชื้อ (Sepsis) ร้ายแรงประเภทอื่น
  • มะเร็ง (Cancer) : ส่วนมากมักจะเกิดจากมะเร็งบริเวณตำแหน่งอื่นของร่างกาย แต่ลุกลามไปที่ต่อมหมวกไต
  • แอมีลอยโดซิส (Amyloidosis) : โรคที่สารอะมีลอยด์ (Amyloid) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตจากเซลล์ไขกระดูก เข้าไปสะสมและสร้างความเสียหายในต่อมหมวกไต
  • การผ่าตัดต่อมหมวกไต (Adrenalectomy) : เช่น การผ่าตัดกำจัดเนื้องอก (Tumour) บนต่อมหมวกไต
  • โรคประสาทถดถอย (Adrenoleukodystrophy (ALD)) : ภาวะทางพันธุกรรมหายากและร้ายแรงที่เกิดกับต่อมหมวกไตและเซลล์ประสาทในสมอง มักพบในเด็กผู้ชายอายุน้อย
  • การรักษาโรคคุชชิ่ง (Cushing's Syndrome) บางประเภท : กลุ่มอาการที่เกิดจากการที่มีระดับ Cortisol ในร่างกายสูง

การวินิจฉัยโรคแอดดิสัน

ในการวินิจฉัยโรคแอดดิสัน แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามอาการและตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ รวมถึงสอบถามว่าคนในครอบครัวเคยมีภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองหรือไม่

หลังจากนั้นแพทย์จะตรวจหาภาวะตกสีน้ำตาลบนผิวหนัง ตามบริเวณผิวพับที่ฝ่ามือ ข้อพับที่ศอก บนรอยแผลเป็น ริมฝีปากและเหงือก และตรวจว่ามีความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่าหรือไม่ หากแพทย์สงสัยว่าคุณเป็นโรคแอดดิสัน ก็จะมีการตรวจเลือดเพื่อดูระดับของสารเคมีและฮอร์โมนต่างๆ เช่น ระดับโซเดียม และโพแทสเซียม หรือระดับ Cortisol ในร่างกาย

หากพบค่า Cortisol ในเลือดต่ำ หรือผู้ป่วยมีอาการที่บ่งชี้ถึงการเป็นโรคแอดดิสันค่อนข้างชัดเจน ก็จะมีการทดสอบการกระตุ้น Synacthen เพื่อยืนยันการวินิจฉัย โดย Synacthen คือสารสังเคราะห์ลอกเลียนแบบฮอร์โมน ACTH ที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติจากต่อมใต้สมอง เพื่อกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตปล่อยฮอร์โมน Cortisol กับ Aldosterone ออกมา

ก่อนฉีด Synacthen เข้าสู่ร่างกาย จะมีการเก็บตัวอย่างเลือดจากแขนไปทดสอบหา Cortisol ก่อน และหลังจากฉีดสารไปแล้ว 30-60 นาทีจะมีการเก็บตัวอย่างเลือดอีกครั้งเพื่อวัดค่าของ Cortisol หากมี ACTH ในระดับสูง แต่มี Cortisol กับ Aldosterone ในระดับต่ำมักจะยืนยันได้ว่าเป็นโรคแอดดิสันจริง

นอกจากนี้ แพทย์อาจมีการทดสอบต่อมไทรอยด์เพื่อดูว่าต่อมดังกล่าวสามารถทำงานได้ตามปรกติหรือไม่ เพราะผู้ป่วยโรคแอดดิสันมักจะมีภาวะไทรอยด์ขาด (Hypothyroidism) และในบางรายอาจจะต้องมีการเข้ารับการถ่ายภาพต่อมหมวกไตซึ่งอาจเป็นทั้งการสแกนคอมพิวเตอร์ (computerised tomography (CT) scan) หรือการถ่ายภาพสะท้อนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging (MRI) scan) เพื่อตรวจสอบต่อมหมวกไตให้ชัดเจนขึ้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การรักษาโรคแอดดิสัน

โรคแอดดิสันสามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาชดเชยฮอร์โมนที่ขาดหายไป แต่ผู้ป่วยจะต้องใช้ยานั้นๆ ไปตลอดชีวิต เพื่อให้ฮอร์โมนมีความสมดุล โดยแพทย์จะใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อชดเชยฮอร์โมน Cortisol กับ Aldosterone ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้เหมือนคนทั่วไป ซึ่งมักจะเป็นยาเม็ดที่ต้องรับประทาน 2-3 ครั้งต่อวัน

ยาที่ใช้ส่วนมากจะเรียกว่า Hydrocortisone สำหรับชดเชย Cortisol ส่วน Aldosterone จะถูกทดแทนด้วยยาที่เรียกว่า Fludrocortisone และแพทย์จะแนะนำให้เติมเกลือเข้าในอาหารแต่ละวันเข้าไปด้วย โดยทั่วไปแล้วยาที่ใช้รักษาโรคแอดดิสันจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ นอกจากจะใช้ยาในปริมาณที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการกระดูกพรุน มีอารมณ์แปรปรวน และนอนไม่หลับ

แต่ในบางกรณี การรักษาภาวะต้นตอของโรคแอดดิสัน เช่น วัณโรค ก็สามารถรักษาอาการของโรคแอดดิสันให้หายขาดได้โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานฮอร์โมนเสริม

การใช้ชีวิตร่วมกับโรคแอดดิสัน

ผู้ป่วยโรคแอดดิสันหลายรายรู้สึกว่าการใช้ยาทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น เพราะพวกเขาสามารถทานอาหารและออกกำลังกายได้ตามปกติ แม้จะยังรู้สึกเหนื่อยง่ายเป็นบางครั้ง แต่ถ้ารับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง ก็จะช่วยป้องกันอาการนี้ได้

และเพื่อเป็นการควบคุมโรคไม่ให้กำเริบ ผู้ป่วยจะต้องไปพบแพทย์เป็นประจำทุก 6-12 เดือนเพื่อติดตามผลการรักษาและปรับขนาดยาที่ใช้ตามความจำเป็น ควรรับประทานยาให้ตรงต่อเวลา และห้ามลืม แนะนำว่าควรมียาสำรองติดกระเป๋า เก็บไว้ในที่ต่างๆ หากเกิดภาวะวิกฤติของต่อมหมวกไต จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที


20 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Addison's disease. NHS (National Health Service). (https://www.nhs.uk/conditions/addisons-disease/)
Addison's disease: Signs and symptoms. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/186236)
Addison's Disease: Basics & Possible Causes. WebMD. (https://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-addisons-disease-basics)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
โรคแอดดิสัน (Addison's Disease)
โรคแอดดิสัน (Addison's Disease)

ทำความรู้จักโรคแอดดิสัน เกิดจากอะไร วิธีการวินิจฉัยและรักษาเป็นอย่างไรบ้าง

อ่านเพิ่ม