โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease) หรือภาวะต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง (Primary Adrenal Insufficiency หรือ Hypoadrenalism) คือภาวะผิดปกติชนิดหายากที่ทำให้ต่อมหมวกไตได้รับความเสียหายจนทำให้ไม่สามารถผลิตฮอร์โมน Cortisol และ Aldosterone เพียงพอต่อการใช้งานของร่างกายได้
โรคนี้สามารถเกิดได้กับผู้คนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปี และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการของโรคแอดดิสัน
โรคแอดดิสัน เป็นโรคที่ตรวจพบได้ยากในระยะต้น เพราะอาการส่วนมากมักใกล้เคียงกับภาวะสุขภาพอื่นๆ เช่น เหนื่อยล้า หมดแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง น้ำหนักลด มีภาวะขาดน้ำ อยากรับประทานอาหารเค็ม หงุดหงิดง่าย เป็นต้น
หากเกิดความเครียด และมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ก็จะทำให้อาการของโรคนี้รุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีอาการ เช่น
- ความดันโลหิตต่ำขณะลุกขึ้นยืน จนทำให้วิงเวียนหรือหมดสติ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องร่วง
- ปวดท้อง ปวดหลัง หรือปวดข้อต่อ
- เหนื่อยล้าเรื้อรัง จนอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้น
- ความต้องการทางเพศลดลงโดยเฉพาะในผู้หญิง
- ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติในบางครั้ง หรืออาจทำให้ประจำเดือนขาดหาย
- การเจริญพันธุ์ช้ากว่าปกติในเด็ก
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycaemia)
- มีภาวะตกสีน้ำตาล (Hyperpigmentation) บนผิวหนังตามรอยพับส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงบนริมฝีปากและเหงือก
ภาวะรุนแรงของโรคแอดดิสัน
หากเพิกเฉยไม่ทำการรักษาโรคแอดดิสัน จะทำให้ระดับของฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตในร่างกายจะค่อยๆ ลดลง จนเกิดอาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณของภาวะวิกฤติต่อมหมวกไตที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ได้แก่
- ภาวะขาดน้ำรุนแรง
- ผิวหนังเย็นและซีด
- เหงื่อออก หายใจสั้น และถี่
- วิงเวียน อาเจียน และท้องร่วงรุนแรง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
- ปวดศีรษะ ง่วงนอนมากและหมดสติ
สาเหตุของโรคแอดดิสัน
โรคแอดดิสันมักเกิดจากปัญหาด้านระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อชั้นนอกของต่อมหมวกไต (Adrenal Cortex) จนไปยับยั้งการผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ Aldosterone กับ Cortisol แต่ก็มีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- วัณโรค (Tuberculosis (TB)) : ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลกับปอดเป็นหลัก แต่สามารถลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วย โรคนี้สามารถทำให้เกิดโรคแอดดิสันขึ้นได้หากการติดเชื้อลามไปสร้างความเสียหายที่ต่อมหมวกไต
- การติดเชื้อ : เช่น เชื้อที่เชื่อมโยงกับ AIDS หรือการติดเชื้อราอื่นๆ
- การตกเลือด (Haemorrhage) : ภาวะเลือดออกรุนแรงเข้าสู่ต่อมหมวกไต บางครั้งก็มีความเกี่ยวข้องกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) หรือภาวะพิษเหตุติดเชื้อ (Sepsis) ร้ายแรงประเภทอื่น
- มะเร็ง (Cancer) : ส่วนมากมักจะเกิดจากมะเร็งบริเวณตำแหน่งอื่นของร่างกาย แต่ลุกลามไปที่ต่อมหมวกไต
- แอมีลอยโดซิส (Amyloidosis) : โรคที่สารอะมีลอยด์ (Amyloid) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตจากเซลล์ไขกระดูก เข้าไปสะสมและสร้างความเสียหายในต่อมหมวกไต
- การผ่าตัดต่อมหมวกไต (Adrenalectomy) : เช่น การผ่าตัดกำจัดเนื้องอก (Tumour) บนต่อมหมวกไต
- โรคประสาทถดถอย (Adrenoleukodystrophy (ALD)) : ภาวะทางพันธุกรรมหายากและร้ายแรงที่เกิดกับต่อมหมวกไตและเซลล์ประสาทในสมอง มักพบในเด็กผู้ชายอายุน้อย
- การรักษาโรคคุชชิ่ง (Cushing's Syndrome) บางประเภท : กลุ่มอาการที่เกิดจากการที่มีระดับ Cortisol ในร่างกายสูง
การวินิจฉัยโรคแอดดิสัน
ในการวินิจฉัยโรคแอดดิสัน แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามอาการและตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ รวมถึงสอบถามว่าคนในครอบครัวเคยมีภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองหรือไม่
หลังจากนั้นแพทย์จะตรวจหาภาวะตกสีน้ำตาลบนผิวหนัง ตามบริเวณผิวพับที่ฝ่ามือ ข้อพับที่ศอก บนรอยแผลเป็น ริมฝีปากและเหงือก และตรวจว่ามีความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่าหรือไม่ หากแพทย์สงสัยว่าคุณเป็นโรคแอดดิสัน ก็จะมีการตรวจเลือดเพื่อดูระดับของสารเคมีและฮอร์โมนต่างๆ เช่น ระดับโซเดียม และโพแทสเซียม หรือระดับ Cortisol ในร่างกาย
หากพบค่า Cortisol ในเลือดต่ำ หรือผู้ป่วยมีอาการที่บ่งชี้ถึงการเป็นโรคแอดดิสันค่อนข้างชัดเจน ก็จะมีการทดสอบการกระตุ้น Synacthen เพื่อยืนยันการวินิจฉัย โดย Synacthen คือสารสังเคราะห์ลอกเลียนแบบฮอร์โมน ACTH ที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติจากต่อมใต้สมอง เพื่อกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตปล่อยฮอร์โมน Cortisol กับ Aldosterone ออกมา
ก่อนฉีด Synacthen เข้าสู่ร่างกาย จะมีการเก็บตัวอย่างเลือดจากแขนไปทดสอบหา Cortisol ก่อน และหลังจากฉีดสารไปแล้ว 30-60 นาทีจะมีการเก็บตัวอย่างเลือดอีกครั้งเพื่อวัดค่าของ Cortisol หากมี ACTH ในระดับสูง แต่มี Cortisol กับ Aldosterone ในระดับต่ำมักจะยืนยันได้ว่าเป็นโรคแอดดิสันจริง
นอกจากนี้ แพทย์อาจมีการทดสอบต่อมไทรอยด์เพื่อดูว่าต่อมดังกล่าวสามารถทำงานได้ตามปรกติหรือไม่ เพราะผู้ป่วยโรคแอดดิสันมักจะมีภาวะไทรอยด์ขาด (Hypothyroidism) และในบางรายอาจจะต้องมีการเข้ารับการถ่ายภาพต่อมหมวกไตซึ่งอาจเป็นทั้งการสแกนคอมพิวเตอร์ (computerised tomography (CT) scan) หรือการถ่ายภาพสะท้อนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance imaging (MRI) scan) เพื่อตรวจสอบต่อมหมวกไตให้ชัดเจนขึ้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การรักษาโรคแอดดิสัน
โรคแอดดิสันสามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาชดเชยฮอร์โมนที่ขาดหายไป แต่ผู้ป่วยจะต้องใช้ยานั้นๆ ไปตลอดชีวิต เพื่อให้ฮอร์โมนมีความสมดุล โดยแพทย์จะใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์เพื่อชดเชยฮอร์โมน Cortisol กับ Aldosterone ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นมาได้เหมือนคนทั่วไป ซึ่งมักจะเป็นยาเม็ดที่ต้องรับประทาน 2-3 ครั้งต่อวัน
ยาที่ใช้ส่วนมากจะเรียกว่า Hydrocortisone สำหรับชดเชย Cortisol ส่วน Aldosterone จะถูกทดแทนด้วยยาที่เรียกว่า Fludrocortisone และแพทย์จะแนะนำให้เติมเกลือเข้าในอาหารแต่ละวันเข้าไปด้วย โดยทั่วไปแล้วยาที่ใช้รักษาโรคแอดดิสันจะไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ นอกจากจะใช้ยาในปริมาณที่สูงเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการกระดูกพรุน มีอารมณ์แปรปรวน และนอนไม่หลับ
แต่ในบางกรณี การรักษาภาวะต้นตอของโรคแอดดิสัน เช่น วัณโรค ก็สามารถรักษาอาการของโรคแอดดิสันให้หายขาดได้โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานฮอร์โมนเสริม
การใช้ชีวิตร่วมกับโรคแอดดิสัน
ผู้ป่วยโรคแอดดิสันหลายรายรู้สึกว่าการใช้ยาทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น เพราะพวกเขาสามารถทานอาหารและออกกำลังกายได้ตามปกติ แม้จะยังรู้สึกเหนื่อยง่ายเป็นบางครั้ง แต่ถ้ารับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง ก็จะช่วยป้องกันอาการนี้ได้
และเพื่อเป็นการควบคุมโรคไม่ให้กำเริบ ผู้ป่วยจะต้องไปพบแพทย์เป็นประจำทุก 6-12 เดือนเพื่อติดตามผลการรักษาและปรับขนาดยาที่ใช้ตามความจำเป็น ควรรับประทานยาให้ตรงต่อเวลา และห้ามลืม แนะนำว่าควรมียาสำรองติดกระเป๋า เก็บไว้ในที่ต่างๆ หากเกิดภาวะวิกฤติของต่อมหมวกไต จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที