ผู้หญิงที่มีอาการผิดปกติเช่น รู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น อาจจะสงสัยว่าตนเองจะตั้งครรภ์แล้วหรือเปล่า แต่ทราบหรือไม่ว่า อาการเหล่านั้นไม่จำเป็นเสมอไปที่คนท้องทุกคนจะแสดงอาการออกมา บางคนอาจไม่มีอาการอะไรเลย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้เราเริ่มตั้งครรภ์แล้วหรือเปล่า วันนี้เรามีคำแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่มาฝาก
ทางการแพทย์ได้สรุปอาการต่างๆ เมื่อผู้หญิงมีการตั้งครรภ์ไว้ดังนี้
- 6-12 วันหลังไข่ถูกปฏิสนธิ อาจมีเลือดออกมาทางช่องคลอดและปวดเกร็งท้องน้อย รวมถึงอาจมีมูกสีขาวข้น ซึ่งไม่มีกลิ่นเหม็นไหลออกมาทางช่องคลอด
- 2-8 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- 4-6 สัปดาห์ ประจำเดือนขาด อ่อนเพลีย คัดตึงเต้านม น้ำหนักตัวมากขึ้น
- 6-8 สัปดาห์หลังปฏิสนธิ เริ่มปัสสาวะบ่อย อารมณ์แปรปรวน
- 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ มีการเปลี่ยนสีผิวของช่องคลอด ปากมดลูก ลานนม และเต้านมขยายใหญ่ขึ้น มีรอยแตกบริเวณหน้าท้องและเต้านม และมีอาการเบื่ออาหาร
- 4 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจมีเส้นสีดำกลางลำตัวที่ผิวหนังหน้าท้อง
นอกจากนี้ยังมีอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์และอาการเพิ่มขึ้นตามอายุครรภ์ด้วย เช่น การหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก มดลูกโต หน้าท้องขยายใหญ่ เป็นต้น แต่อาการเหล่านี้ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์ได้ หากต้องการตรวจให้แน่ชัดควรตรวจด้วยคลื่นเสียงหรืออัลตร้าซาวด์ ซึงหากเป็นการตั้งครรภ์จริงจะพบตัวเด็กอยู่ในครรภ์ การฟังเสียงเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ มีการเคลื่อนไหวของเด็กจากการคลำหน้าท้องแม่ เป็นต้นค่ะ
ตรวจภาวะมีบุตรยากวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 392 บาท ลดสูงสุด 63%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การทดสอบการตั้งครรภ์ยังสามารถทดสอบได้จากการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์สำเร็จรูป ซึ่งเป็นการตรวจหาฮอร์โมน HCG ในปัสสาวะ โดยจะต้องตรวจหลังจากการปฏิสนธิ 14 วัน แต่ก็ยังมีความคลาดเคลื่อนสูงเพราะบางคนตั้งครรภ์แล้วแต่ระดับฮอร์โมนยังไม่มากพอก็จะตรวจไม่พบ ดังนั้นเพื่อความแม่นยำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดเพื่อตรวจหาฮอร์โมน HCG ซึ่งการตรวจเลือดจะสามารถรู้ผลได้เร็วกว่าการตรวจจากปัสสาวะคือ สามารถตรวจได้ภายใน 7 วันหลังการปฏิสนธิค่ะ
ข้อแนะนำในการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์
- อ่านคำแนะนำอย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- เตรียมนาฬิกาดูเวลาเพื่อใช้จับเวลาในการทดสอบ
- ภาชนะที่ใช้ควรเป็นของใหม่ ไม่มีการปนเปื้อนปัสสาวะมาก่อน โดยเฉพาะการทดสอบซ้ำๆ
- ขณะรอผลทดสอบไม่ควรให้ภาชนะหรือชุดทดสอบอยู่ใกล้ของที่มีความร้อนสูง
- การทดสอบซ้ำควรเว้นระยะห่างจากการทดสอบครั้งแรก 2-3 วัน