กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ.พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

แนะนำ 8 วิธีช่วยให้สมองเฉียบคมและมีสมาธิ

อยากให้สมองฟิต ทำงานได้ดี มาเสริมสมรรถภาพให้สมองด้วยตนเองตั้งแต่วันนี้
เผยแพร่ครั้งแรก 3 เม.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 22 มิ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
แนะนำ 8 วิธีช่วยให้สมองเฉียบคมและมีสมาธิ

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ใครๆ ก็อยากมีสมองที่ดีมีประสิทธิภาพแต่เมื่อเวลาผ่านไปสมองก็จะเหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายที่จะค่อยๆ เสื่อมสภาพไปตามอายุที่มากขึ้น ไม่นับรวมปัจจัยอื่นๆ ที่ทำลายเซลล์สมองไปก่อนเวลาอันควร แต่อย่างน้อยเราก็สามารถดูแลและบำรุงสมองได้ตั้งแต่วันนี้ 
  • การหมั่นทำกิจกรรมที่ท้าทายสมอง กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนต่างๆ เช่น ความจำ การวางแผน การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การเล่นเกมบางเกมอาจช่วยฝึกสมองให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้งได้
  • Neurobics เป็นการฝึกระบบประสาททั้งห้า เป็นการท้าทายสมองให้คิดสิ่งใหม่ๆ ซึ่งแตกต่างจากที่เคยทำมาก่อน เช่น ถ้าคุณถนัดใช้มือขวาในการแปรงฟัน ให้ลองพยายามใช้มือซ้ายแปรงฟันบ้าง
  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น มีกรดไขมันโอเมก้า 3 มาก จะช่วยบำรุงสมองได้เป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก การเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะช่วยป้องกันสมองเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรได้
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิงและผู้ชาย

อย่างที่เราทราบกันดีว่า สมองเป็นดั่งศูนย์บัญชาการใหญ่ของร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบการหายใจ ระบบการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับความจำ ความคิด และการตัดสินใจ โดยตรง  

แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากมีสมองที่ดีมีประสิทธิภาพในการทำงาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปสมองก็จะเหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายที่จะค่อยๆ เสื่อมสภาพไปตามอายุที่มากขึ้น ไม่นับรวมปัจจัยอื่นๆ ที่ทำลายเซลล์สมองไปก่อนเวลาอันควร เช่น การใช้สารเสพติด การได้รับความกระทบกระเทือนที่สมอง  

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

วันนี้เราจึงอยากมาแนะนำวิธีช่วยดูแลสมองที่จะทำให้สมองมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างสมาธิ กระบวนการคิด การจดจำให้ดีขึ้น แต่จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูพร้อมกันเลย

8 วิธีช่วยให้สมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. ใช้สมองบ่อยๆ

การมีสมองที่ฉลาด มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างได้ ซึ่งคุณสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการ "ฝึกสมอง" ทั้งนี้การหมั่นทำกิจกรรมที่ท้าทายสมอง กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนต่างๆ เช่น ความจำ การวางแผน การแก้ปัญหา การตัดสินใจ

บางคนที่เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับความจำ การเล่นเกมบางเกมอาจช่วยฝึกสมองส่วนนี้ให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้งได้ เช่น เกมการจับคู่ภาพที่เหมือนกัน เกมการจับผิดภาพ การจดจำเบอร์โทรศัพท์แทนการบันทึกในโทรศัพท์ การอ่านแผนที่ การคิดโจทย์เลขต่างๆ โดยไม่ใช้เครื่องคิดเลข

2. คิดให้ต่างจากเดิม

นักวิจัยจาก Duke University ได้คิดค้นวิธีออกกำลังสมองที่เรียกว่า  "Neurobics" หรือ การฝึกระบบประสาททั้งห้า เป็นการท้าทายสมองให้คิดสิ่งใหม่ๆ ซึ่งแตกต่างจากที่เคยทำมาก่อน 

ตัวอย่างเช่น ถ้าถนัดใช้มือขวาในการแปรงฟัน ให้ลองพยายามใช้มือซ้ายแปรงฟันบ้าง ลองขับรถ หรือเดินทางไปทำงานด้วยเส้นทางใหม่ๆ เมื่อรับประทานอาหารให้ลองหลับตาแล้วดูว่า ตันเองจดจำรสชาติอาหารนั้นๆ จากการชิมได้หรือไม่ 

3. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายโดยเฉพาะประเภทที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งหมายถึงการออกกำลังกายที่ต้องใช้ออกซิเจน เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ถือว่า มีประโยชน์ต่อสมองเช่นกัน 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

เพราะในขณะที่ออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองและเชื่อมต่อเซลล์สมอง ปรับปรุงการทำงานระหว่างเซลล์ได้ มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีสมองเทา (Gray matter) ซึ่งเป็นบริเวณที่ควบคุมความจำและความนึกคิดเพิ่มมากขึ้น

การหมั่นเคลื่อนไหวร่างกายสามารถช่วยในเรื่องของความจำ จินตนาการ และแม้แต่ความสามารถในการวางแผนงาน

4. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

คุณสามารถช่วยสมองให้มีสุขภาพดี โดยเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสมอง หัวใจ และรอบเอว  ได้แก่ อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega 3) อาหารที่มีกรดอะมิโน สังกะสี อาหารที่มีฟลาวานอล (Flavanols) อาหารที่มีเคอร์คูมิน (Curcumin) อาหารที่มีโพแทสเซียม วิตามินเค โฟเลต

ตัวอย่างแหล่งอาหารธรรมชาติที่แนะนำ ได้แก่ ปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทู ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วและธัญพืช ขมิ้น ผักใบเขียว ผลไม้สด 

หลีกเลี่ยงการรับประทานเลือกอาหารไขมันสูง (ไขมันอิ่มตัว) หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มกาเฟอีนและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ปรับเปลี่ยนวิธีปรุงอาหารจากการใช้ความร้อนสูงและการใช้น้ำมัน มาเป็นการอบ นึ่ง หรือย่าง แทนการทอด 

เนื่องจากอาหารและพฤติกรรมการการบริโภคเช่นนี้ อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองและโรคเรื้อรังอื่นๆ ได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
โปรแกรมตรวจสุขภาพวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 99 บาท ลดสูงสุด 96%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

หากจำเป็นต้องใช้น้ำมันควรใช้น้ำมันที่มาจากพืช เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะกอก  

นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้เป็นเวลาและต้องรับประทานอาหารมื้อเช้าเพื่อให้พลังงานแก่สมองและร่างกาย

 5. เครื่องดื่มบางประเภท

การบริโภคเครื่องดื่มมอมเมา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปริมาณมากๆ สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ การพูด การเคลื่อนไหว และความจำ แต่รู้ไหมว่า แม้จะดื่มไม่มาก แต่การดื่มอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ แอลกอฮอล์ก็มีผลกระทบต่อสมองในระยะยาวเช่นกัน  

การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นเวลานานสามารถทำให้สมองใหญ่ส่วนกลีบหน้า (Frontal lobes) หดตัว และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าคุณจะเลิกดื่มเหล้าแล้วก็ตาม 

สำหรับปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดีต่อสุขภาพคือ 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย 

อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาแล้วว่า ชาเป็นเครื่องดื่มที่สามารถเสริมสร้างสมรรถภาพสมองได้จริง โดยพบว่า ในผู้ที่ดื่มชาเป็นประจำ (ผู้ที่ดื่มชาดำ ชาเขียว หรือ ชาอู่หลง อย่างน้อย 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลานาน 25 ปี) นั้น มีสมรรถภาพของสมองที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มชาเป็นประจำ

6. เล่นดนตรี

การเล่นดนตรีไม่เพียงแต่ทำให้สนุก เพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เท่านั้น แต่มีการค้นพบว่า การเล่นดนตรีตั้งแต่อายุน้อยจะช่วยให้มีความคิดที่ปลอดโปร่งเมื่อมีอายุมากขึ้น 

อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของความจำและความสามารถในการวางแผน คิดวิเคราะห์ เนื่องจากมือทั้งสองข้างของเราเต็มไปด้วยเส้นประสาทจำนวนมากที่โยงใยถึงสมอง ดังนั้นการทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้มือทั้งสองข้างจึงเทียบเท่าการฝึกสมองไปในตัว 

7. พักผ่อนให้เพียงพอ 

การพักผ่อนเป็นวิธีดูแลร่างกายที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง หากนอนหลับได้ถูกเวลาคือ เข้านอนไม่ดึกจนเกินไป (ไม่ควรเกิน 23.00 น.) นอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ หลับสนิท หลับลึก ไม่ตื่นกลางดึก 

เนื่องจากการนอนหลับจะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายจะได้พักการทำงาน ฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอ หรือบางส่วนก็อาจเจริญเติบโตต่อไปได้ นอกจากนี้การนอนหลับระหว่างวัน หรือที่เรียกว่า "Power Nap" ประมาณ 15-20 นาที ก็สามารถฟื้นฟูสมองได้เช่นกัน   

เมื่อตื่นในยามเช้า หากได้พักผ่อนอย่างเพียงพอจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า 

8. อย่าเครียดและเข้าสังคมบ่อยๆ

หากคุณเครียดมากเกินไป มันก็สามารถทำร้ายสมองเทา (Gray matter) ซึ่งเป็นบริเวณที่ควบคุมความจำและความนึกคิดได้ สำหรับวิธีที่ช่วยคลายเครียด เช่น สูดหายใจเข้าออกลึกๆ ทำสิ่งที่สามารถทำให้คุณหัวเราะได้ ฟังเพลง ฝึกโยคะ นั่งสมาธิ หาคนรับฟังปัญหา ฯลฯ

นอกจากนี้ไม่ควรแยกตัวออกจากสังคม ควรพบปะเพื่อนฝูงบ้าง เพราะการได้พูดคุยกับผู้อื่นจะทำให้สมองมีการฝึกทักษะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร ทักษะการสังเกต ทักษะการคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจ

แม้ว่าสมองจะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หรือที่เรียกว่า "ภาวะสมองเสื่อม" แต่การมีสมองที่มีสุขภาพดีนั้นสามารถสร้างได้ คุณสามารถเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้โดยใช้วิธีที่เรากล่าวไป ซึ่งล้วนแต่เป็นหนทางที่ช่วยทำให้สมองของคุณมีความเฉียบคม 

อีกทั้งยังช่วยให้มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างดีอีกด้วย

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิงและผู้ชาย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


22 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Harvard Health, 6 simple steps to keep your mind sharp at any age (https://www.health.harvard.edu/mind-and-mood/6-simple-steps-to-keep-your-mind-sharp-at-any-age), 12 June 2020.
Taylor AF, et al. (2009), Children with attention deficits concentrate better after walk in the park, DOI: (http://doi.org/10.1177/1087054708323000), 12 June 2020.
Rebok GW, et al. (2014), Ten-year effects of the ACTIVE cognitive training trial on cognition and everyday functioning in older adults (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4055506/), 13 June 2020.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
อาหารต้านเชื้อราแคนดิดา (Candida Diet)
อาหารต้านเชื้อราแคนดิดา (Candida Diet)

หากจำนวนเชื้อราแคนดิดาในร่างกายมีมากเกินไป อาจนำไปสู่การติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อ่านเพิ่ม
3 เหตุผลที่ทำให้การพยายามทำหลายสิ่งขณะขี่จักรยานเป็นความผิดพลาด
3 เหตุผลที่ทำให้การพยายามทำหลายสิ่งขณะขี่จักรยานเป็นความผิดพลาด

การพยายามทำหลายอย่างเกินไปขณะขี่จักรยานอาจกลายเป็นผลเสียได้และนี่คือเหตุผล

อ่านเพิ่ม
ค่าเป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจ
ค่าเป้าหมายอัตราการเต้นของหัวใจ

อัตราการเต้นของหัวใจคืออะไร สำคัญอย่างไร ค่าอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมในช่วงปกติและขณะออกกำลังกายของแต่ละช่วงวัยคือเท่าไร

อ่านเพิ่ม