10 อาหารลดความดัน สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง

เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
10 อาหารลดความดัน สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงสามารถเกิดกับคนได้ทุกเพศทุกวัย หากมีพฤติกรรมการกินแบบไม่ห่วงใยต่อสุขภาพ และเมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูงก็จะเกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมาด้วยเสมอ ซึ่งอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน ก็สามารถที่จะช่วยลดความดันได้ โดยต้องประกอบไปด้วยแร่ธาตุจำเป็น 3 ชนิด คือ โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ซึ่งจะมีอยู่ในอาหารดังต่อไปนี้

1. ถั่วขาว

ในเมล็ดถั่วขาวจะมีแร่ธาตุแมกนีเซียมสูงถึงร้อยละ 30 เลยทีเดียว แต่หากจะกินถั่วขาวบรรจุกระป๋องควรระวังเรื่องปริมาณโซเดียมด้วย ทางที่ดีควรตักเนื้อถั่วขาวแยกออกมาจากน้ำ ทิ้งไว้ข้ามคืนก่อนนำมาปรุงอาหารก็จะดี

2. เนื้อสันใน

ควรเลือกทานตรงส่วนที่ไม่ติดมัน เพราะเนื้อในส่วนนี้จะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมร้อยละ 15 และยังมีคอเลสเตอรอลน้อยกว่าเนื้อส่วนที่ติดมัน แต่ควรกินไม่ให้เกิน 70 กรัมต่อวัน หรือ 5-6 ชิ้นแบบพอดีคำ ถึงจะดีต่อสุขภาพ

3. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

โยเกิร์ตจะอุดมด้วยแมกนีเซียมร้อยละ 12 โพแทสเซียมร้อยละ 18 และยังมีแคลเซียมสูงถึงร้อยละ 49 ในขณะเดียวกันก็จะได้รับน้ำตาลที่มาจากส่วนประกอบอื่น ๆ ในโยเกิร์ตด้วย เช่น ชิ้นเนื้อผลไม้ รสปรุงแต่ง ทางที่ดีควรเลือกทานโยเกิร์ตรสธรรมชาติจะดีกว่า

4. ปลานิล

ในเนื้อปลาเนื้อขาวส่วนใหญ่จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุแมกนีเซียม และโพแทสเซียม ร้อยละ 8 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ปลานิลจึงมีประโยชน์ต่อคนที่เป็นความดันโลหิต แต่ควรระวัง ก่อนนำปลานิลมาปรุงอาหารควรทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน เพราะในเนื้อปลาอาจมีสารพิษตกค้าง เช่น สารปรอท และ สารสังเคราะห์โพลีคลอริเนตไบฟีนิล ซึ่งเป็นสารที่อันตรายต่อ ตับ ผิวหนัง และทางเดินอาหาร เป็นต้น

5. กล้วย

กล้วยอุดมไปด้วยแร่ธาตุโพแทสเซียมมากถึงร้อยละ 12 และมีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน จึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ทันตา

6. ผักคะน้า

ผักคะน้าอุดมด้วยวิตามินซีสูง เมื่อปรุงสุกแล้วจะมีแร่ธาตุโพแทสเซียมกับแคลเซียมมากถึงร้อยละ 9 อีกทั้งมีกรดอัลฟาไลโปอิกที่จะทำงานร่วมกับวิตามินซี สามารถจับสารอนุมูลอิสระในร่างกาย และเพิ่มการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ทำงานปกติ

7. พริกหยวกแดง

พริกหยวกแดง หรือพริกหวานจะมีแร่ธาตุโพแทสเซียมร้อยละ 9 ที่จะช่วยปรับสมดุลความดันเลือดให้เป็นปกติ แต่ห้ามเก็บพริกหยวกแดงไว้ในตู้เย็นนานเกิน 10 วัน เพราะจะสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการได้

8. มันเทศ

ในเปลือกของมันเทศแทบทุกสายพันธุ์จะอุดมไปด้วยโพแทสเซียมถึงร้อยละ 15 แต่หากบริโภคแบบปอกเปลือกจะได้ประโยชน์จากโพแทสเซียมในเนื้อมันเทศร้อยละ 10 อีกทั้งยังได้คาร์โบไฮเดรต ทำให้อิ่มท้อง ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานได้ อีกด้วยด้วย

9. อะโวคาโด

อะโวคาโดจะเป็นผลไม้ที่มีกรดไขมันชนิดดี (HDL) สามารถช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ในกระแสเลือดได้ โดยเฉพาะไขมันเลวชนิดอย่างคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ และนอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียมถึงร้อยละ 10 ที่จะช่วยคงสมดุลของระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติได้

10. บรอกโคลี

บรอกโคลีเป็นผักในตระกูลกะหล่ำมากไปด้วยคุณประโยชน์ทางโภชนาการ เพราะในบรอกโคลีเพียงหัวเล็ก ๆ ก็อุดมด้วยโพแทสเซียมถึงร้อยละ 14 ที่จะสามารถช่วยปรับสมดุลระดับความดันเลือดให้เป็นปกติได้

การรักษาสมดุลให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกตินั้นไม่ยากเลย สำคัญควรระวังเรื่องอาหารเท่านั้น โดยเฉพาะอาหารมัน เค็มจัด และหวานจัด เพราะอาหารสามสิ่งนี้เป็นตัวร้ายที่ทำให้ระดับความดันโลหิตผิดปกติได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว มื้อต่อไปก็ควรเลือกอาหารตามข้างต้นก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียว


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป