จำปี (White Champaka) เป็นพรรณไม้ยืนต้นที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่ามันมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ หรือประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซีย จำปีจัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสูงใหญ่กว่าจำปาเล็กน้อย สรรพคุณมีความใกล้เคียงกัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Michelia alba DC.
ชื่อวงศ์ MAGNOLIACEAE
ชื่อพ้อง Michelia longifolia Blume
ชื่ออังกฤษ White Champaka , White sandalwood, White jade orchid tree
ชื่อท้องถิ่น จุมปี จุ๋มปี๋
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 15-20 เมตร กิ่งมีขนสั้นนุ่ม โคนหูใบแนบติดก้านใบเกินกึ่งหนึ่ง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมใบหอก หรือรูปไข่ กว้าง 4-9 เซนติเมตร ยาว 15-25 เซนติเมตร แผ่นใบด้านล่างมีขนสั้น เส้นแขนงใบเรียงจรดกันเป็นเส้นขอบใน ก้านใบยาว 1.5-5 เซนติเมตร ช่อดอกยาว 1-1.7 เซนติเมตร ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลีบรวม สีขาว กลิ่นหอม ก้านดอกสั้น ดอกมีสีขาว กลิ่นหอมแรง จำนวนมี 10-14 กลีบ เรียงหลายวง ยาวเท่าๆ กัน รูปใบหอกกลับ ยาว 1.5-5 เซนติเมตร ส่วนมากไม่ติดผล ผลเป็นผลกลุ่ม ผลย่อยรูปร่างเกือบเป็นทรงกลม แต่มักไม่ติดผล
ชนิดของจำปี
สำหรับบทความนี้กล่าวถึงสายพันธุ์ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Michelia alba DC Figlar จัดอยู่ในวงศ์ Magnoliaceae ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับที่เขียนไว้ต่อไปนี้
- จำปีเพชร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia mediocris (Dandy) Figlar
- จำปีแขก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia figo (Lour.) DC.
- จำปีถิ่นไทย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia koordersiana (Noot.) Figlar
- จำปีป่า มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia baillonii Pierre
- จำปีสิรินธร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia sirindhorniae Noot. & Chalermglin
- จำปีหลวง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia rajaniana
- จำปีช้าง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Magnolia citrata Noot. & Chalermglin
ทั้งเจ็ดชนิดที่กล่าวมาข้างต้น จัดอยู่ในวงศ์ Magnoliaceae เช่นกันกับจำปีที่กล่าวในบทความนี้ แต่ละชนิด มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่คล้ายกันคือลักษณะของดอก มีเฉพาะจำปีแขกที่นำมาใช้ประโยชน์ทางยา ส่วนชนิดอื่นๆ จะนิยมปลูกเป็นเพียงไม้ประดับเท่านั้น
ไขข้อสงสัยจำปีแต่ละชนิด
- จำปีแขก ดอกมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ มีขนสีน้ำตาลปกคลุมทางด้านนอก กลีบดอก 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ สีขาว กลีบดอกหนาและแข็ง มีกลิ่นหอม
- จำปีสีนวลกับจำปีสีทองคือต้นเดียวกัน ดอกสีขาวนวลหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม กลีบรวม มี 12 กลีบ ผิวกลีบดอกเกลี้ยง ไม่มีขน
- จำปีสีแดง กลีบดอกด้านนอกมีสีแดงอมม่วง ส่วนด้านในเป็นสีขาว เรียงซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ ดอกมีขนาดใหญ่
- จำปีจิ๋ว ลำต้นจะสูงเต็มที่ไม่เกิน 5-7 เมตรเท่านั้น
ประโยชน์และสรรพคุณของจำปี
ส่วนต่างๆ เช่น กลีบดอก ผล เปลือกต้น แก่น ราก มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถนำมาทำยาได้ ดังนี้
- สรรพคุณทางการแพทย์ของจำปีนั้นพบน้อยกว่าจำปา แต่ตำรายาแผนโบราณของไทยระบุว่า ทั้ง 2 ชนิด มีสรรพคุณเช่นเดียวกัน คือ ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงโลหิต วิธีใช้คำให้นำส่วนดอกมาต้มในน้ำเดือด ดื่มวันละ 3-5 แก้ว หรือนำส่วนดอกไปตากแห้ง แล้วบดเป็นผง ผสมเข้าตำรับยาหอม ละลายน้ำร้อนดื่มรับประทาน
- กลีบดอกสดมีน้ำมันหอมระเหย จึงสามารถนำมากลั่นเอาแต่น้ำมัน ใช้ทาบริเวณศีรษะ เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ
- ดอก ผล และเปลือกต้น มีสรรพคุณบำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย บำรุงครรภ์ แก้คลื่นเหียน โบราณจะให้สตรีตั้งครรภ์ใช้ส่วนดอก ผล และเปลือกไม้ ปรุงเป็นยาต้มดื่ม
- แก่นจำปี บำรุงประจำเดือน ใบ ช่วยขับระดูขาวของสตรี สำหรับสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีตกขาว โบราณจะให้นำแก่นและใบไปปรุงเป็นยาต้มดื่ม
- ดอกตูมใช้สำหรับการรักษาอาการหลังการแท้งบุตร โดยนำดอกตูมมาต้มในน้ำเดือด แล้วดื่มก่อนอาหาร 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น
- ชาวไทยใช้ดอกสด ทำน้ำอบ น้ำปรุงด้วยเช่นกัน ส่วนบุหงารำไปนั้น จะไม่นิยมใช้ดอก เพราะเมื่อแห้งจะมีกลิ่นออกเหม็นเปรี้ยว
- หญิงสาวสมัยก่อนมักใช้ผูกเส้นผมให้ห้อยตุ้งติ้งเคลียข้างแก้ม เป็นเครื่องประดับ
- แพทย์แผนโบราณของไทยใช้ดอกจำปีแขกปรุงยาเป็นหอมบำรุงหัวใจ เช่นเดียวกับจำปีและจำปา
- ส่วนรากของจำปาแขก ต้มในน้ำเดือด รับประทานเพื่อใช้แก้โรคกระบังลมเคลื่อน
- จำปีแขก ชาวจีนนิยมนำไปสกัดหัวน้ำมันสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและใช้แต่งกลิ่นชาด้วย สตรีชาวฮ่องกงสมัยก่อนนิยมใช้ดอกจำปีแขกเสียบมวยผมเพื่อให้ส่งกลิ่นหอมแทนการพรมน้ำหอม