Aspergillus Fumigatus เป็นเชื้อราที่สามารถทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ และการติดเชื้อในกระแสเลือด เชื้อราชนิดนี้มักพบได้ทั่วไปทั้งภายในอาคารและนอกอาคาร โดยจะเติบโตบนพืช ดิน เศษผัก อาหาร ฝุ่นในบ้าน และสิ่งของภายในบ้าน
การติดเชื้อ Aspergillus Fumigatus เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค ระบุว่าเชื้อในกลุ่ม Aspergillus มีมากกว่า 180 สายพันธุ์ แต่เชื้อที่สามารถก่อโรคในมนุษย์ได้มีน้อยกว่า 40 สายพันธุ์ โดยเชื้อ Aspergillus Fumigatus เป็นเชื้อที่พบว่าเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อ Aspergillus มากถึง 90%
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เชื้อ Aspergillus สายพันธุ์อื่นที่ทำให้เกิดโรคได้เช่นกัน ได้แก่ A. flavus A.terreus A. niger และ A. nidulans โดยปกติแล้วทุกคนมีการสูดหายใจเอาสปอร์ของเชื้อ A. fumigates เข้าไปอย่างน้อยหลายร้อยสปอร์ต่อวัน แต่สปอร์เหล่านี้มักไม่ทำให้เกิดโรคในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ แต่มักเกิดในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเป็นโรคปอด
การเจ็บป่วยจากเชื้อ Aspergillus Fumigatus
โรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Aspergillus นั้นมีได้หลายรูปแบบ ดังนี้
- โรค Allergic bronchopulmonary aspergillosis หรือ ABPA เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เกิดจากเชื้อ Aspergillus ทำให้เกิดการอักเสบในปอด โรคนี้พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis) และโรคหอบหืด
- โรค Allergic Aspergillus sinusitis เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เกิดจากเชื้อ Aspergillus ทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูกเช่นกัน คำว่า Aspergilloma หรือก้อนเชื้อรา หมายถึงเชื้อ Aspergillus ที่เจริญเติบโตในปอดและโพรงจมูก โดยมักเกิดในผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับปอด เช่น วัณโรค และเคยมีช่องว่างในปอดมาก่อน ทำให้เชื้อราสามารถเจริญเติบโตอยู่ภายในช่องว่างเหล่านั้น
- Chronic pulmonary aspergillosis เป็นโรคที่หมายถึงการติดเชื้อ Aspergillus เรื้อรัง และทำให้เกิดช่องว่างภายในปอด โรคนี้มักเกิดในผู้ป่วยที่เป็นโรคปอด เช่น วัณโรค โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นต้น
- โรค Sarcoidosis เป็นการติดเชื้อที่เกิดจากสปอร์ของ Aspergillus ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด ก่อนที่จะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะอื่น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ที่เคยปลูกถ่ายอวัยวะ หรือการรับประทานยาบางชนิด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ Aspergillus ที่รุนแรงได้ ซึ่งหากเกิดการติดเชื้อแบบรุนแรงแล้วจะทำให้มีอัตราการเสียชีวิตที่สูงมาก
อาการของการติดเชื้อ Aspergillus Fumigatus
การติดเชื้อ A. fumigates ทำให้เกิดโรคได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับลักษณะของการติดเชื้อที่เกิดขึ้น อาการของการติดเชื้อลักษณะต่างๆ มีดังต่อไปนี้
อาการของโรค Chronic pulmonary aspergillosis
- หายใจเสียงวี๊ดและไอ ซึ่งบางครั้งอาจไอเป็นมูกหรือเลือดได้
- มีไข้
- เจ็บหน้าอก
- หายใจลำบาก
- อ่อนเพลีย
- น้ำหนักลด
หากมีก้อนเชื้อราในปอดยังสามารถทำให้เกิดอาการไอ ทั้งที่มีหรือไม่มีเลือดก็ได้ รวมทั้งทำให้หายใจลำบากได้
อาการของ Allergic Aspergillus sinusitis
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
- ปวดหัว
- การได้กลิ่นลดลง
อาการของ Allergic bronchopulmonary aspergillosis (ABPA)
- หายใจเสียงวี้ดและหายใจตื้น
- ไอ และมักมีมูกสีน้ำตาลปนออกมาในเสมหะ
- มีไข้ (พบได้น้อย)
อาการของการติดเชื้อ Aspergillus แบบรุนแรง
อาการขึ้นอยู่กับอวัยวะที่มีการติดเชื้อ เช่น
- มีไข้และหนาวสั่น
- หายใจลำบาก
- ไตหรือตับวาย
- ความดันโลหิตต่ำ
- เจ็บหน้าอก
- ไอเป็นเลือด
- มีเลือดออกในปอด
การรักษาการติดเชื้อ Aspergillus Fumigatus
การติดเชื้อ Aspergillus ที่ทำให้เกิดอาการในรูปแบบของภูมิแพ้นั้นมักจะรักษาด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อราที่ชื่อไอทราโคนาโซล (Itraconazole) ส่วนในกรณีที่เป็นโรค Allergic bronchopulmonary Aspergillosis นั้นอาจมีการให้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เช่น เพรดนิโซโลน (Prednisolone) เพรดนิโซน (Prenisone) และเมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednosolone) แต่หากเป็นโรค Aspergilloma จะต้องรักษาโดยใช้การผ่าตัด
การติดเชื้อ Aspergillosis อย่างรุนแรงนั้นมักให้การรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อราที่ชื่อว่าโวริโคนาโซล (Voriconazole) และบางครั้งอาจจะต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วย ขึ้นกับการแพร่กระจายของโรค ส่วนยาฆ่าเชื้อราอื่นๆ ที่อาจใช้ได้ คือ
- ไอทราโคนาโซล (Itraconazole)
- แอมโฟเทอริซินบี (Amphotericin)
- คาสโปฟังจิน (Caspofungin)
- ไมคาฟังจิน (Micafungin)
- โพซาโคนาโซล (Posaconazole)
อย่างไรก็ตามยาบางตัวในกลุ่มนี้อาจไม่สามารถใช้รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนในอดีต เนื่องจากมีอัตราการดื้อต่อยาฆ่าเชื้อราในกลุ่ม Azole ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งการดื้อยานี้เป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นมากจากการรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ Aspergillus
เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเดียวกันในช่วงๆเวลาใกล้กันได้หรือไม่คะ