สิว (acne vulgaris) เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นของผิวหนังบริเวณที่มีรูขุมขนหรือต่อมไขมัน มักถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมน androgen สิวมักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า คอ หน้าอกและหลัง โดยมักมีสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวแดง สิวอักเสบแบบตุ่มแดงก้อนลึกและซีสต์
ปัจจัยการเกิดสิว
แม้จะยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดสิว แต่ก็มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับภาวะของสิว ผิวหนังในบริเวณที่มีรูขุมขนหรือต่อมไขมันที่มีความผิดปกติได้มีไขมันรวมถึงแบคทีเรียและเคราตินที่เคลื่อนย้ายจากต่อม follicle ไปยังผิวหนังชั้น dermis ก่อให้เกิดการอักเสบและได้เกิดเป็นการตอบสนองในรูปแบบของการเกิดสิวหนองแต่หากไขมันไม่ได้เคลื่อนย้ายไปยังผิวหนังชั้น dermis ก็จะก่อให้เกิดสิวอุดตันประเภทที่ไม่เกิดการอักเสบได้
รักษาสิว ลดรอยสิววันนี้ ที่คลินิกใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 93%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
แบคทีเรียชนิดที่อยู่บริเวณผิวหนังที่มีต่อมไขมันนั้นโดยทั่วไป คือ Propionibacterium acnes ซึ่งเป็น anaerobe แบคทีเรียนชนิดนี้จะปล่อยสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในผนังของต่อม follicle ก่อให้เกิดความผิดปกติของต่อม follicle ก่อให้เกิดเซลส์ที่อักเสบขึ้นซึ่งปล่อยเอนไซม์ที่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ มากไปกว่านั้นเชื้อ p.acne ได้เปลี่ยนไขมันที่ไม่อักเสบใน sebum ให้กลายเป็น ไขมันอิสระที่อักเสบ ทำให้เกิดการขยายตัวของต่อมไขมันจากการกระตุ้นของฮอร์โมน testosterone ซึ่งการขยายตัวของผิวหนังบริเวณที่มีรูขุมขนหรือต่อมไขมันนี้ได้ทำให้ให้เชื้อ p.acne สามารถขยายตัวได้มากขึ้น ซึ่งปฏิกริยาดังกล่าวนี้ได้ก่อให้เกิดการพัฒนากลายเป็นสิวในที่สุด
ประเภทของสิว
สิวจะถูกจัดประเภทโดยการพัฒนาของรอยโรคในสิวที่แตกต่างกันออกไป
- Comedones (ทั้งประเภทเปิดและปิด) เป็นสิวที่ไม่มีการติดเชื้อ เกิดจากการรวมตัวกันของเคราตินและไขมันบริเวณเหนือต่อม follicular ซึ่ง comedones แบบเปิดนี้มักรู้จักกันในชื่อสิวหัวดำ (black head) ในขณะที่ comedones แบบปิดมักรู้จักกันในชื่อสิวหัวขาว (white head)
- Papules เป็นสิวที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มม. มีการอักเสบและนูนขึ้นมาเล็กน้อย
- Pustules เป็นสิวอักเสบที่มีหนองชัดเจนอยู่ภายใน
- Nodules เป็นสิวขนาดใหญ่มากกว่า 5 มม. เป็นตุ่มนูนอักเสบอยู่ภายในชั้นผิวหนัง
- Cysts เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 1 ซม. มีการอักเสบ ภายในมีของเหลวหรือกึ่งของเหลวอยู่ภายใน
รอยของโรคมักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า คอ หน้าอก และหลัง แต่อาจเกิดขึ้นได้ที่แขน สะโพก และขา สิว comedones มักจะกำจัดได้ยาก แต่ในสิวอักเสบมักจะหายได้เองภายใน 2 -3 สัปดาห์ ด้านความลึกของการอักเสบหากมีมากก็มักจะก่อให้เกิดรอยแผลเป็นที่มากตามไปด้วย
อาการของสิวสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่างๆมากมาย อาทิ เกิดจากการใช้ยา ได้แก่ยาประเภท androgenic anabolic steroids progestin—dominant ยาคุมกำเนิดแบบทาน lithium phenytoin azathioprine ฯลฯ ความชื้นที่มากเกินไป การปล่อยให้เหงื่ออยู่บนผิวเป็นระยะเวลานาน ปัญหาด้านความสะอาด การระคายเคืองเฉพาะที่ การเสียดสี ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความันจากไขมัน เครื่องสำอางหรือน้ำยาจัดแต่งทรงผม หรือการสัมผัสกับความมันจากภายนอกอย่างต่อเนื่อง เช่น จากการทำอาหาร เป็นต้น
เป้าหมายของการรักษาสิว
ในกระบวนการรักษาสิวนั้นเป็นกระบวนการที่จัดกระทำผ่านหลายปัจจัย การรักษาในมุมกว้างโดยวิธีการรักษาทั้งแบบใช้ยาและแบบไม่ใช้ยาควบคู่กันไปตามความเหมาะสม ในการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การกำจัดความมันส่วนเกิน ลดและป้องกันการอุดตันของผิวหนังและลดสภาวะการเพิ่มขึ้นของสิวให้น้อยที่สุด
การรักษาสิวโดยไม่ใช้ยา
การรักษาสิวโดยไม่ใช้ยาสามารถทำได้โดยการทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ใช้สบู่ที่ไม่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้น ทำความสะอาดอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน จะสามารถช่วยกำจัดความมันส่วนเกินโดยทั่วไปได้ การจัดหาผ้าเช็ดตัวที่อ่อนนุ่มก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ สำหรับสิวที่อยู่ในระยะไม่รุนแรงมาก แนะนำให้ใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบของ salicylic จะช่วยกำจัดเซลส์ผิวหนังที่ตายแล้วได้ แต่หากคนไข้มีผิวหนังที่อ่อนแอแนะนำให้ใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยนแทน หลีกเลี่ยงการทำความสะอาดอย่างรุนแรงเนื่องจากจะไม่ช่วยในการกำจัดเซลส์ผิวที่ตายแล้วยังก่อให้เกิดการระคายเคืองซึ่งอาจนำไปสู่อาการบวมแดงของผิวได้ มากไปกว่านั้นการควบคุมอาหาร ความเครียดและปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดสิวก็เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิวด้วย