การรักษาภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวจะประกอบไปด้วยวิธีการหลายอย่าง เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ยาต้านเกร็ดเลือด warfarin-anticoagulant' target='_blank'>ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดความดันโลหิต และการผ่าตัด
แม้ว่าอาการของภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวจะหายอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงโดยไม่ต้องรักษาใดๆ แต่คุณยังจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการของภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวหรือโรคหลอดเลือดสมองถาวรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญว่าคุณมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองถาวรในอนาคตอันใกล้ โดยมีความเสี่ยงสูงสุดในช่วงไม่กี่วันแรกจนถึงไม่กี่สัปดาห์แรกหลังมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว
โรคหลอดเลือดสมองคือโรคทางสุขภาพร้ายแรงที่ทำให้เกิดความพิการถาวรได้ และอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในผู้ป่วยบางราย แต่ถ้าได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมหลังจากมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว จะทำให้ความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองลดลงได้
ในการรักษาจะขึ้นกับปัจจัยของแต่ละบุคคล เช่น อายุ และประวัติทางการแพทย์ ทีมแพทย์ที่ดูแลคุณจะให้คำแนะนำทางเลือกในการรักษาและแจ้งให้คุณทราบถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการรักษา
คุณจะได้รับคำแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ร่วมกับการใช้ยาเพื่อรักษาโรคใดๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว
ในบางกรณีคุณอาจจำเป็นต้องรับการผ่าตัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
มีวิธีในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้ ซึ่งอาจช่วยลดโอกาสของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองภายหลังมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สามารถทำได้ ได้แก่:
- รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ-แนะนำให้รับประทานอาหารไขมันต่ำ ลดปริมาณเกลือ เพิ่มปริมาณใยอาหาร รวมถึง ผักและผลไม้สด
- ออกกำลังกายเป็นประจำ-คำแนะนำสำหรับคนส่วนใหญ่คือ ให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิกความหนักปานกลางอย่างน้อย 150 นาที ต่อสัปดาห์ เช่น ปั่นจักรยาน หรือเดินเร็ว
- หยุดสูบบุหรี่-ถ้าคุณสูบบุหรี่ การหยุดสูบบุหรี่อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองในอนาคตได้
- ลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์-คุณควรจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ลง โดยผู้ชายแนะนำไม่เกิน 3-4 หน่วยต่อวัน ผู้หญิงแนะนำไม่เกิน 2-3 ยูนิตต่อวัน
การใช้ยา
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวจำเป็นต้องได้รับยาอย่างน้อย 1 ชนิด เพื่อช่วยลดโอกาสของการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือการมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวซ้ำ
บางส่วนของยาที่ใช้ในการรักษา มีดังนี้
ยาต้านเกร็ดเลือด (Antiplatelets)
เกร็ดเลือดคือเซลล์ในระบบเลือดที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ถ้าหลอดเลือดได้รับความเสียหาย เกร็ดเลือดจะเกาะกลุ่มกันเป็นลิ่มเลือดเพื่อป้องกันเลือดออก
ยาต้านเกร็ดเลือดจะออกฤทธิ์โดยลดความสามารถของเกร็ดเลือดในการเกาะกลุ่มกันเป็นลิ่มเลือด ถ้าคุณมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว คุณจะได้รับคำแนะนำให้ใช้ยาต้านเกร็ดเลือด
ยาต้านเกร็ดเลือดที่ใช้กันบ่อยๆ มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ แอสไพริน (aspirin) และ โคลพิโดเกรล (clopidogrel) โดยยา aspirin อาจแนะนำให้รับประทานร่วมกับยาต้านเกร็ดเลือดอีก 1 ชนิด คือไดไพริดาโมล (dipyridaole) เพราะจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานแยกกัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผลข้างเคียงหลักของยาต้านเกร็ดเลือดคือ อาหารไม่ย่อย และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออก ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีเลือดออกนานกว่าปกติถ้าคุณมีบาดแผล หรือคุณอาจมีอาการฟกช้ำได้ง่ายกว่าปกติ
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants)
ยาต้านการแข็งตัวของเลือดจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดลิ่มเลือดโดยการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีของเลือด ทำให้ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดได้
ยานี้จะได้รับการแนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวที่มีสาเหตุมาจากหัวใจ ซึ่งมักเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว (atrial fibrillation)
ยาวาร์ฟาร์ริน (warfarin), rivaroxaban, dabigatran และ apixaban คือตัวอย่างของยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่แนะนำให้ใช้กับผู้ป่วยภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวบางราย
ผลข้างเคียงของยาต้านการแข็งของเลือดทุกตัวคือ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออก เพราะยาไปลดความสามารถในการแข็งตัวของเลือด คุณอาจจำเป็นต้องตรวจเลือดเป็นประจำระหว่างการใช้ยา warfarin เพื่อประเมินว่าคุณไม่ได้รับขนาดยาที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป
ยาลดความดันโลหิต (Antihypertensives (blood pressure medication))
ถ้าคุณมีภาวะความดันโลหิตสูง คุณจะได้รับคำแนะนำให้ใช้ยาลดความดันโลหิต เพราะความดันโลหิตสูงคือปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของการเป็นภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวหรือโรคหลอดเลือดสมอง
มียาลดความดันโลหิตหลายชนิดที่สามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตให้กับคุณ ได้แก่:
- ยาขับปัสสาวะกลุ่ม thiazide
- angiotensin-converting enzyme (ACE) inhibitors
- calcium channel blockers
- beta-blockers
แพทย์จะแนะนำยาลดความดันโลหิตที่เหมาะสมกับคุณ ผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องใช้ยาลดความดันโลหิต 2 หรือ 3 รายการที่แตกต่างกันเพื่อลดความดันโลหิต
ยาในกลุ่ม สแตติน (statins)
ถ้าคุณมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คุณจะได้รับคำแนะนำให้รับประทานยาในกลุ่มสแตติน (statin) ยาในกลุ่ม statins จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดโดยไปยับยั้งเอนไซม์ในตับที่ทำหน้าที่ผลิตคอเลสเตอรอล
Statins อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองไม่ว่าจะมีระดับคอเลสเตอรอลเป็นเท่าใด และคุณอาจได้รับยา statins แม้ว่าระดับคอเลสเตอรอลจะไม่ได้สูงมากนัก
ตัวอย่างของยาในกลุ่ม statins ที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ได้แก่ atorvastatin, simvastatin และ rosuvastatin
การผ่าตัด
ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องมีการผ่าตัดที่เรียกว่า การผ่าตัดเอาคราบไขมันที่อุดตันในหลอดเลือดคอที่ไปเลี้ยงสมองออก (Carotid endarterectomy) ซึ่งอาจได้รับคำแนะนำให้ผ่าตัดหลังมีภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว
การผ่าตัดเอาคราบไขมันที่อุดตันในหลอดเลือดคอที่ไปเลี้ยงสมองออก (Carotid endarterectomy)
การผ่าตัดเอาคราบไขมันที่อุดตันในหลอดเลือดคอที่ไปเลี้ยงสมองออก คือการผ่าตัดเพื่อเอาคราบไขมันออกจากหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ด้านข้างลำคอทั้งสองข้าง
หลอดเลือดใหญ่ที่คอ ชื่อว่า carotid arteries จะทำหน้าที่นำส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง เมื่อมีการอุดตันของไขมันเกิดขึ้นภายในหลอดเลือด carotid arteries ทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบแคบ ทำให้เลือดไหลผ่านบริเวณดังกล่าวไปยังสมองได้ยากขึ้น
เราเรียกภาวะนี้ว่า โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราวและโรคหลอดเลือดสมองได้ เพราะมีการอุดตันของหลอดเลือดเกินขึ้น
ในการผ่าตัดเอาคราบไขมันออกจากเส้นเลือด carotid arteries ในผู้ที่มีการตีบแคบปานกลางหรือรุนแรง จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองและภาวะสมองขาดเลือดได้อย่างมาก