ลิ้นเป็นฝ้าขาว หรือที่เรียกว่า (White tongue) คือ การที่บริเวณใดๆ ของลิ้นมีฝ้าสีขาวออกเทาเคลือบอยู่ ซึ่งฝ้าที่ขาวนั้นอาจเกิดขึ้นทั้งลิ้น หรือเกิดเป็นหย่อมๆ
ทั้งนี้มีหลายสาเหตุที่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาว และแต่ละสาเหตุนั้นก็มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วอาการดังกล่าวไม่ทำให้เกิดอันตราย แต่ในบางกรณีลิ้นเป็นฝ้าขาวก็สามารถบ่งบอกได้ถึงปัญหา หรือความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพที่กำลังก่อต่อขึ้นก็ได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สาเหตุของลิ้นเป็นฝ้าขาว
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าคือ การดูแลสุขอนามัยของช่องปากได้ไม่ดีพอ หากเป็นเช่นนั้นปุ่มเล็กๆ บนลิ้นที่เรียกว่า Papillae จะบวมขึ้น และเกิดการอักเสบในช่องปาก เชื้อโรค เศษซากอาหาร และเซลล์ที่ตายแล้วสามารถไปติดที่ระหว่าง Papillae ทำให้ลิ้นเป็นสีขาวได้นั่นเอง
สำหรับปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและสุขอนามัยที่ทำให้ลิ้นเป็นสีขาวมีดังนี้
- ปากแห้ง โดยเกิดจากการหายใจทางปาก หรือการนอนโดยอ้าปากค้างไว้
- แปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟันไม่ถูกวิธี
- ไม่แปรงลิ้น
- อยู่ในภาวะขาดน้ำ
- เกิดการระคายเคืองจากมุมแหลมในปาก เช่น ฟัน เหล็กดัดฟัน หรือฟันปลอม
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- สูบบุหรี่ หรือเคี้ยวยาสูบ
สาเหตุอื่นๆ ของการเกิดลิ้นเป็นฝ้าขาว
นอกจากนี้การที่ลิ้นเป็นฝ้าขาวยังเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ ดังนี้
โรคไลเคนพลานัส
โรคไลเคนพลานัสทำให้เกิดการอักเสบและนั่นก็สามารถส่งผลต่อปาก โดยทำให้เกิดปื้นสีขาวและหนาในช่องปากและลิ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีแผลเปื่อยในปาก หรือเจ็บที่แก้มและเหงือก
ลิวโคพลาเคีย
ลิวโคพลาเคียเป็นฝ้าสีขาวที่เกิดขึ้นบนลิ้นและปากมักเกิดจากสารที่ทำให้ระคายเคืองอย่างยาสูบและบุหรี่ แต่ก็อาจมีต้นเหตุมาจากการอักเสบ และการระคายเคืองที่เกิดจากฟันปลอม แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ทำให้เกิดอันตราย
เชื้อราในช่องปาก
การมีเชื้อราในช่องปากถือเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีขาว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อรา Candida ผู้ป่วยมักมีฝ้าสีขาว หรือสีขาวผสมสีอื่นๆ เล็กน้อย และสามารถรู้สึกเจ็บโดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจมีแนวโน้มที่จะมีภาวะดังกล่าว ตัวอย่างเช่น คนที่เพิ่งรับประทานยาปฏิชีวนะ หรือผู้ป่วยที่เพิ่งผ่านการทำคีโม หรือเคมีบำบัดมา
นอกจากนี้การดูแลสุขอนามัยช่องปากได้ไม่ดี หรือใส่ฟันปลอมที่ไม่เข้ากับปากก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน
โรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถแสดงอาการในช่องปาก หากไม่รักษาโรคนี้ก็สามารถทำให้เกิดฝ้าขาวบนลิ้นและทำให้เจ็บในช่องปากได้ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นโรคซิฟิลิสจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม โรคร้ายบางโรคอย่างมะเร็งช่องปาก หรือมะเร็งลิ้น ก็สามารถทำให้ลิ้นเป็นสีขาวได้ แม้ว่าจะพบได้ไม่บ่อยก็ตาม นอกจากนี้การเป็นโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบแบบเรื้อรังก็อาจทำให้ลิ้นเป็นสีขาวได้เช่นกัน
เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์?
โดยมากแล้ว ฝ้าสีขาวที่ลิ้นจะหายไปเองได้ไม่ยาก แต่ถ้าดูแลช่องปากแล้วแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป
การรักษา
การรักษาฝ้าขาวที่ลิ้นที่เกิดจากบางโรคอาจจำเป็นต้องใช้การรักษาที่เฉพาะเจาะจง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- เชื้อราในช่องปาก รักษาโดยใช้ยาต้านเชื้อรา ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบยาที่ใช้หยด โดยใช้ยาเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- โรคไลเคนพลานัส รักษาโดยใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ในกรณีที่อาการร้ายแรง แต่ส่วนมากจะให้แพทย์ หรือทันตแพทย์ติดตามอาการ
- ลิวโคพลาเคีย แพทย์จะติดตามอาการเพื่อให้มั่นใจว่า อาการไม่แย่ลงกว่าเดิม
- โรคซิฟิลิส รักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเพนิซิลิน หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
วิธีการรักษาที่สามารถทำที่บ้านได้
1.โปรไบโอติก
เราสามารถพบโปรไบโอติกได้ในอาหารและเครื่องดื่มประเภทหมักดอง เช่น กิมจิ ผักดอง คอมบูชา โยเกิร์ต ทั้งนี้โปรไบโอติกเป็นแบคทีเรียชนิดที่ไม่เพียงแต่ดีต่อระบบย่อยอาหารเท่านั้น
แต่ยังมีงานวิจัยที่พบว่า โปรไบโอติกสามารถช่วยต่อสู้กับเชื้อราในปากและแบคทีเรียที่ไม่ดีชนิดอื่นๆ ได้ ซึ่งโปรไบโอติกอาจช่วยให้สภาพในช่องปากสมดุล และป้องกันไม่ให้ลิ้นเป็นฝ้าขาว
2.ใช้เบกกิ้งโซดาขัด
การนำเบกกิ้งโซดาสำหรับทำอาหารโรยบนแปรงสีฟัน จากนั้นนำมาขัดที่ลิ้น ฟัน และเหงือกอาจช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้ลิ้นเป็นสีขาว มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า เบกกิ้งโซดาช่วยฆ่าแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปากอย่างสเตรปโตคอกคัส (Streptococcus) และแคนดิดา (Candida) ได้
3.กระเทียมดิบ
การรับประทานกระเทียมดิบอาจช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า แคนดิดา ได้ มีงานวิจัยพบว่า สารประกอบอัลลิซินที่พบได้ในกระเทียมมีคุณสมบัติช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) ได้
อย่างไรก็ดี คุณสามารถรับประทานกระเทียบดิบทั้งกลีบทุกวัน หรือจะสับแล้วรับประทานกับน้ำมันมะกอกเพียงเล็กน้อย เพื่อลดโอกาสการเกิดฝ้าขาวที่ลิ้น
4.ขูดลิ้น
การขูดลิ้นเบาๆ จากด้านหลังไปด้านหน้าอาจช่วยลดและกำจัดแบคทีเรีย รวมถึงเศษต่างๆ ที่ติดค้างอยู่ในช่องปากได้ ซึ่งมีหลายบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับขัดลิ้นโดยเฉพาะ แต่คุณก็สามารถใช้มุมของช้อนขัดลิ้นได้เช่นกัน
วิธีป้องกัน
- ดูแลสุขอนามัยช่องปากให้ดี โดยแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีน้อยวันละ 1 ครั้ง
- ใช้อุปกรณ์สำหรับขูดลิ้นทุกวัน หรืออาจใช้แปรงสีฟันก็ได้
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารให้หลากหลายและมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- ไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสภาพช่องปาก
โดยทั่วไปแล้ว การมีฝ้าสีขาวที่ลิ้นมักไม่เป็นอันตราย ถ้าลองปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตามวิธีที่เรากล่าวไป แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย คุณก็อย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android