การวิ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีของการออกกำลังกายที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากปฏิบัติได้ง่ายและใช้อุปกรณ์น้อย สร้างความเพลิดเพลินไม่น่าเบื่อ เพราะได้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบกายในแต่ละวัน อีกทั้งยังได้ประโยชน์กับร่างกายและจิตใจ ทำให้บุคลิกภาพดูดี หรืออาจได้เพื่อนใหม่และสังคมใหม่จากการออกไปวิ่งอีกด้วย
ประโยชน์ของการวิ่ง
- ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นจากการสร้างภูมิคุ้มกันโรค กล้ามเนื้อแข็งแรง ช่วยเพิ่มไขมันชนิดดีแล้วลดไขมันชนิดเลว ลดความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน โรคภูมิแพ้ ช่วยให้หลอดเลือดแดงมีความยืดหยุ่น ทำให้หัวใจแข็งแรง ลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจหรือภาวะหัวใจวาย
- ช่วยลดหรือควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเป็นการเผาผลาญพลังงานได้มากอีกวิธีหนึ่ง แต่ต้องกระทำด้วยวิธีการวิ่งที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากการวิ่งช้าๆ และใช้เวลาให้นานพอ ร่างกายจะได้ดึงเอาไขมันมาออกมาใช้เป็นพลังงาน
- ผ่อนคลายความเครียดและช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น ด้วยการหลั่งสารเอนดอร์ฟินหรือสารแห่งความสุข ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกสดชื่นและสงบมากขึ้น รักษาอาการซึมเศร้าได้ดี พร้อมกับปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น
อาการบาดเจ็บที่พบบ่อยจากการวิ่งและวิธีป้องกัน
- เจ็บต้นขาด้านหลัง จะมีอาการเจ็บแบบกะทันหัน เพราะมีการตึงที่กล้ามเนื้อบริเวณนี้จนเกินไป เนื่องจากขาดการยืดเหยียดก่อนการวิ่ง ซึ่งควรจะต้องอบอุ่นร่างกายและมีการยืดกล้ามเนื้อต้นขาหลังให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวก่อนวิ่งทุกครั้ง
- เจ็บเข่าด้านนอก การบาดเจ็บในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นทั้งนักวิ่งเก่าและใหม่ได้เสมอ เป็นเพราะกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขายังไม่มีความแข็งแรงมากพอ หรือเกิดจากการเร่งความเร็วมากเกินไปและการวิ่งอย่างหักโหม จึงควรป้องกันด้วยการออกกำลังกายสลับชนิดอื่น เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อในส่วนนี้บ้าง
- เจ็บเข่าด้านหน้า การเจ็บบริเวณนี้จะยิ่งเกิดมากขึ้น หากต้องใช้เข่ามากๆ เป็นเพราะการวิ่งไม่ถูกวิธี เช่น วิ่งลงส้นเท้าหรือก้าวเท้ายาวเกินไป ทำให้น้ำหนักมากระแทกที่เข่า การวิ่งขึ้น – ลง หรืองอเข่ามากไป การหักโหมเพิ่มระยะวิ่งมากเกินไป ซึ่งเราป้องกันได้โดยในระยะแรกไม่ควรเพิ่มระยะทางการวิ่งที่ยาว จากนั้นก้าวเท้าให้พอดี ส่วนพื้นที่วิ่งควรมีความราบเรียบไม่คดเคี้ยวไปมา สูงชัน หรือหักศอก
- เจ็บหน้าแข้งหรือหน้าแข้งอักเสบ โดยเฉพาะบริเวณหน้าแข้งด้านในที่จะมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้น สำหรับวิธีป้องกันคือไม่เพิ่มระยะทางและความเร็วมากเกินไป หรือไม่ก้าวเท้ายาวจนเกินตำแหน่งเข่าของตนเอง อีกทั้งก่อนวิ่งจะต้องยืดเหยียดกล้ามเนื้อ พร้อมกับอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ
- เอ็นร้อยหวายหรือบริเวณข้อเท้าอักเสบ เป็นเพราะการวิ่งที่กระแทกอย่างรุนแรง ใช้แรงผลักขณะวิ่ง ทำให้น้ำหนักตัวลงที่ส้นเท้ามากเกินไป ดังนั้นควรใช้ระยะทางที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่วิ่งในที่สูงชัน
- เจ็บบริเวณฝ่าเท้า เป็นอาการปวดหรือเจ็บใต้ฝ่าเท้าขณะลงน้ำหนักที่เท้าตอนเดินหรือวิ่ง ทำให้เท้าโดนแรงกระแทกจนอักเสบ ผู้ที่มีน้ำหนักมากต้องระมัดระวังให้มากขึ้น โดยไม่ฝึกวิ่งอย่างหักโหมหรือเร็วจนเกินไป ก่อนวิ่งควรยืดกล้ามเนื้อน่อง ข้อเท้า หรือเอ็นร้อยหวาย และยืดใต้ฝ่าเท้า พร้อมกับก้าวเท้าขณะวิ่งให้พอเหมาะ
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- ผู้ที่เกิดอาการบาดเจ็บจะต้องหยุดวิ่งเพื่อพักทันที เพราะจะทำให้อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงขึ้นได้
- ทำการประคบเย็นโดยใช้ผ้าขนหนูห่อน้ำแข็ง หลังเกิดการบาดเจ็บประมาณ 15 นาที พักหยุด 10 นาที ภายใน 1 ชั่วโมงแรก
- รัดด้วยผ้ายืดอย่าให้แน่นจนเกินไป เพื่อป้องกันอาการชาและไม่ให้บวมมากขึ้น
- ถ้ามีอาการบาดเจ็บรุนแรงแล้วหลังปฐมพยาบาลยังไม่ดีขึ้น จะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
การบาดเจ็บจากการวิ่งสามารถป้องกันให้เกิดขึ้นน้อยลงได้ ด้วยวิธีตรวจสภาพร่างกายและความพร้อมก่อนการวิ่งในครั้งแรก เพื่อดูสภาพความพร้อมของสรีระร่างกาย รองเท้าที่ใช้ต้องเหมาะกับรูปเท้า หลังการวิ่งควรดื่มน้ำและรับประทานอาหารให้เพียงพอตามหลักโภชนาการ พักผ่อนอย่างเต็มที่สำหรับให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูพร้อมการวิ่งในครั้งต่อไป
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง