อาการปวดศีรษะจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัวนั้นเป็นอาการปวดหัวลักษณะที่พบบ่อยที่สุด โดยสามารถทำให้เกิดอาการปวดที่ศีรษะ ลำคอ และด้านหลังตาได้ตั้งแต่ระดับเบา ปานกลางไปจนถึงรุนแรง บางคนอาจจะรู้สึกว่าเหมือนกับมียางรัดมารัดที่รอบๆ หน้าผาก
คนส่วนใหญ่ที่มีอาการปวดหัวลักษณะนี้นั้มักจะมีอาการปวดหัวเป็นช่วงๆ โดยเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ตามอาจจะมีอาการเรื้อรังได้ และมีบางส่วนที่อาจจะมีอาการมากกว่า 15 วันต่อเดือน ผู้หญิงนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะนี้มากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สาเหตุ
อาการปวดศีรษะลักษณะนี้นั้นเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อในบริเวณศีรษะและลำคอ มีอาหาร กิจกรรมและตัวกระตุ้นหลายอย่างที่สามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวดังกล่าวได้ บางคนอาจจะมีอาการหลังจากที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหรือหลังจากขับรถนานๆ อุณหภูมิที่เย็นนั้นก็อาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะลักษณะนี้ได้เช่นเดียวกัน
สาเหตุอื่นที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะลักษณะนี้ประกอบด้วย
- แอลกอฮอล์
- ความเครียดที่ตา
- ตาแห้ง
- อ่อนเพลีย
- การสูบบุหรี่
- เป็ฯหวัด
- มีการติดเชื้อในโพรงจมูก
- คาเฟอีน
- ท่าทางไม่เหมาะสม
- ความเครียดทางอารมณ์
อาการ
อาการของการปวดศีรษะจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัวประกอบด้วย
- ปวดหัวตื้อๆ
- รู้สึกเหมือนมีอะไรรัดที่รอบหน้าผาก
- เจ็บบริเวณรอบๆ หน้าผากและหนังศีรษะ
อาการปวดนั้นมักจะอยู่ในระดับไม่รุนแรงถึงปานกลาง แต่ก็อาจจะปวดมากได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความสับสนกับอาการปวดศีรษะจากไมเกรน อาการปวดศีรษะจากไมเกรนนั้นมักจะทำให้เกิดอาการปวดลักษณะตุ๊บๆ ที่ศีรษะข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง
อย่างไรก็ตามอาการปวดศีรษะจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัวนั้นไม่ได้มีอาการเหมือนไมเกรนทุกอย่าง เช่นไม่มีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน ในบางรายอาจจะมีอาการไวต่อแสงและเสียงที่ดังได้คล้ายกับไมเกรน
ในรายที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจจะมีการส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้เกิดจากปัญหาอื่น เช่นเนื้องอกในสมอง เช่นการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การรักษา
การใช้ยาและรักษาที่บ้าน
คุณสามารถใช้ยาแก้ปวดทั่วไปเช่น ibuprofen หรือแอสไพรินในการบรรเทาอาการปวดได้ แต่ควรเฉพาะเป็นครั้งคราว
การใช้ยาแก้ปวดในปริมาณที่มากเกินไปนั้นอาจจะทำให้มีอาการปวดหัวที่รุนแรงขึ้นได้เวลาที่ยาหมดฤทธิ์
บางครั้งยาเหล่านี้อาจจะไม่เพียงพอในการรักษา ซึ่งในกรณีนี้แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาเช่น
- Indomethacin
- Ketorolac
- Naproxen
- Opiates
หากใช้ยาแก้ปวดแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์อาจจะมีการสั่งจ่ายยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อช่วยหยุดการหดตัวของกล้ามเนื้อ และยาต้านเศร้าเช่น selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI) เพื่อช่วยปรับสมดุลของสารสื่อประสาท serotonin และช่วยในการจัดการกับความเครียด
แพทย์อาจจะแนะนำวิธีรักษาอื่นๆ เช่น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- การเรียนเทคนิคการจัดการความเครียด เพื่อช่วยจัดการกับความเครียดและวิธีคลายเครียด
- Biofeedback เป็นเทคนิคการผ่อนคลายที่สอนในการจัดการความเจ็บปวดและความเครียด
- Cognitive behavioral therapy (CBT) เป็นการบำบัดด้วยการพูดคุยที่ช่วยให้คุณรู้จักสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครีดย ความวิตกกังวล
- การฝังเข็ม เป็นการรักษาทางเลือกที่อาจจะช่วยลดความเครียดได้โดยการฝังเข็มลงในจุดต่างๆ ของร่างกาย
อาหารเสริม
อาหารเสริมบางชนิดอาจจะช่วยลดอาการปวดศีรษะลักษณะนี้ได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้อาจจะส่งผลต่อยาที่ใช้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ
อาหารเสริมที่อาจจะช่วยป้องกันการเกิดอาการปวดหัวจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัวประกอบด้วย
- Butterbur
- Coenzyme Q10
- Feverfew
- Magnesium
- Riboflavin (วิตามินบื 2)
วิธีต่อไปนี้อาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้
- ประคบร้อนหรือเย็นที่ศีรษะเป็นเวลา 5-10 นาทีหลายๆ ครั้งต่อวัน
- อาบน้ำร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
- ปรับท่าทาง
- หยุดพักสั้นๆ ระหว่างที่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันความเครียดที่ตา
- อย่างไรก็ตามเทคนิคเหล่านี้อาจจะไม่ได้ช่วยป้องกันอาการปวดหัวได้ทุกรูปแบบ
การป้องกัน
เนื่องจากอาการปวดหัวลักษณะนี้นั้นมักจะเกิดจากตัวกระตุ้นบางอย่าง ดังนั้นการที่สามารถระบุตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการได้นั้นจึงเป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันการเกิดอาการในอนาคต
การจดบันทึกอาการปวดหัวนั้นสามารถช่วยระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการได้ ควรจดอาหาร เครื่องดื่ม กิจกรรม และสถาการณ์ต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดในวันที่มีอาการปวดหัว หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน คุณอาจจะพบความเชื่อมโยง เช่นหากบันทึกของคุณนั้นแสดงว่าอาการปวดหัวนั้นมักจะเกิดในวันที่รับประทานอาหารบางชนิด แสดงว่าอาหารดังกล่าวอาจจะเป็นต้วกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว
ผลลัพธ์
อาการปวดศีรษะจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงตัวนี้มักจะตอบสนองต่อการรักษาและแทบจะไม่ส่งผลให้เกิดการทำลายระบบประสาทในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การมีอาการปวดศีรษะเรื้อรังนั้นสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคุณได้ และยังอาจจะทำให้เข้าร่วมกิจกรรมทางกายได้ลำบาก อาจจะต้องมีการหยุดเรียนหรือลางาน หากอาการปวดศีรษะนั้นส่งผลต่อชีวิตประจำวันควรปรึกษาแพทย์
อย่าละเลยอาการที่รุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดหัวฉับพลันหรือเกิดร่วมกับอาการต่อไปนี้
- พูดยานคาง
- เสียการทรงตัว
- ไข้สูง
เพราะอาจจะเป็นอาการแสดงของปัญหาอื่นๆ ที่รุนแรงเช่นโรคเส้นเลือดสมอง เนื้องอกหรือเส้นเลือดโป่งพองได้