การรักษาโรค PTSD ที่ประสบความสำเร็จนั้นจะช่วยบรรเทาอาการของโรคและทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นได้
โรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-traumatic stress disorder; PTSD) เป็นภาวะทางจิตเวชที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยจะมีการตอบสนองต่อการรักษาได้หลากหลายรูปแบบ
ผู้ป่วยโรค PTSD บางคนหายจากโรคนี้หลังได้รับการรักษาเพียงหกเดือน ในขณะที่บางคนจะมีอาการของโรคนี้ไปตลอดชีวิตโดยส่วนมาก โรค PTSD มักรักษาด้วยการให้ยา การทำจิตบำบัด หรือการทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การใช้ยาเพื่อรักษาโรค PTSD
ยาที่มักใช้ในการรักษา PTSD ได้แก่
ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressants)ซึ่งจะช่วยควบคุมอาการซึมเศร้าและอาการวิตกกังวลโดยยาที่มักใช้ในการรักษาโรค PTSD ได้แก่ Paxil (paroxetine) และ Zoloft (sertraline) ซึ่งยาสองตัวนี้อาจส่งให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ ง่วงซึม กระสับกระส่าย หรือความต้องการทางเพศลดลง การรักษาด้วยยาประเภทนี้จะต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการคิดฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นเด็ก กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มวัยหนุ่มสาวได้
- ยารักษาภาวะวิตกกังวล (Anti-anxiety drugs) ยาจำพวกนี้สามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกวิตกกังวลและความเครียด และมักจะไม่ใช้ในระยะยาว เพราะอาจทำให้มีการใช้ยาในทางที่ผิด
- ยาระงับอาการทางจิต (Antipsychotics)บางครั้งอาจมีการจ่ายยาจำพวกนี้ให้กับผู้ป่วย PTSD เพื่อควบคุมอาการที่รุนแรงบางอย่าง ซึ่งยาระงับอาการทางจิตอาจเพิ่มความเสี่ยงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาวะน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ ,ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
- Minipress (prazosin)บางครั้งอาจมีการจ่ายยาตัวนี้เพื่อลดอาการฝันร้ายต่อเนื่องหรืออาการนอนไม่หลับโดยอาการข้างเคียงของยาตัวนี้ได้แก่ ง่วงซึม อ่อนเพลีย ปวดหัว และคลื่นไส้
การทำจิตบำบัดโรค PTSD โดยการพูดคุย
การทำจิตบำบัด หรือการบำบัดโดยการพูดคุย เป็นวิธีการรักษาที่พบบ่อย โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตจะใช้วิธีการพูดคุยเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย ซึ่งการบำบัดวิธีนี้มีทั้งที่เป็นการพูดคุยแบบตัวต่อตัว และแบบกลุ่ม
ผู้ป่วยอาจเข้ารับการบำบัดด้วยวิธีการแบบเดียว หรือแพทย์อาจเลือกใช้วิธีการหลายแบบผสมกันก็ได้ โดยวิธีการต่างๆ ของการทำจิตบำบัด ได้แก่
- การให้เผชิญกับภาวะที่กลัว(Exposure therapy) การบำบัดวิธีนี้จะให้ผู้ป่วยได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เคยเกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
- การใช้จินตภาพ(Mental imagery) การเขียน หรือการกลับไปยังสถานที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ซึ่งอาจช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญหน้าและควบคุมความกลัวของตนเองได้
- ผู้ป่วยอาจใช้เครื่อง Virtual reality (สภาวะเสมือนจริงจำลอง) เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว
- การปรับเปลี่ยนความคิด(Cognitive restructuring)การบำบัดวิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเห็นเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าวได้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความทรงจำบางอย่างที่เข้าใจยาก
- การฝึกการป้องกันความเครียด(Stress inoculation training)การรักษาวิธีนี้จะสอนให้ผู้ป่วยลดอาการวิตกกังวลโดยการมองกลับไปยังความทรงจำในด้านบวก
- Eye movement desensitization and reprocessing (EMDR) การรักษาวิธีนี้เป็นการผสมผสาน exposure therapy เข้ากับการกลอกตาไปมาซ้ำๆเป็นชุดๆ โดยเป้าหมายคือการช่วยให้ผู้ป่วยประมวลความทรงจำที่รุนแรงและเปลี่ยนแปลงการตอบสนองต่อความทรงจำเหล่านั้น
วิธีอื่น ๆ ในการรักษาโรค PTSD
วิธีการต่อไปนี้อาจช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองเพื่อรับมือกับอาการของโรค PTSD ได้ดีขึ้น
- ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี โดยรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามหลีกเลี่ยงนิโคตินและคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้อาการของโรค PTSD แย่ลงกว่าเดิม
- เข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือ (Support group) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดี โดยใช้วิธีการทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่อาจมีประสบการณ์หรือพบเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ของผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาด้วยตนเอง เพราะการใช้ยาด้วยตนเองหรือการใช้แอลกอฮอล์อาจจะขัดขวางการรักษาอาการของผู้ป่วยและอาจนำไปสู่ปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต
- ทำตามแผนการรักษา โดยอาจจะต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่การทำจิตบำบัดหรือการใช้ยาจะช่วยบรรเทาอาการของโรค PTSD ได้ และอย่าลืมทำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจจะไม่เห็นผลทันใจอย่างที่ต้องการก็ตาม