โรคเอดส์ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้คนหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อ เกิดจากเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus: HIV) เมื่อได้รับเชื้อจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง เกิดอาการต่างๆ เช่น มีไข้ ร่างกายอ่อนแอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ติดเชื้อได้ง่าย
ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีการรักษาที่จะกำจัดเชื้อเอชไอวีให้หมดไปได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการที่มักสร้างความกังวลและความไม่มั่นใจคือ ผื่นหรือตุ่มที่เกิดขึ้นตามร่างกาย จนอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต จิตใจ การงาน และสังคมของผู้ที่เป็นโรคเอดส์ได้
อาการทางผิวหนังในผู้ป่วยเอดส์ พบได้ถึง 78% และมักจะสัมพันธ์กับค่า CD4 หรือ ค่าเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซึ่งในผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี เม็ดเลือดขาวชนิด DC4 จะถูกทำลาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และยิ่งค่า CD4 ต่ำ จะยิ่งทำให้มีอาการรุนแรง
อาการทางผิวหนังที่พบในผู้ป่วยโรคเอดส์
อาการทางผิวหนังของผู้ป่วยเอดส์โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในระยะแรกเริ่มติดเชื้อเอชไอวี (Acute HIV Infection) โดยระยะนี้จะมีอาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป และมักเกิดอีกทีในระยะโรคเอดส์ (AIDS) หรือระยะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายอย่างมาก ร่างกายอ่อนแอ ทำให้แสดงอาการที่ผิวหนัง เกิดผื่นผิวหนัง การติดเชื้อเริมงูสวัด เกิดการติดเชื้อฉวยโอกาสอื่นๆ ตามมา
ซึ่งในผู้ป่วยโรคเอดส์ ภูมิคุ้มกันจะถูกทำลาย สามารถเกิดอาการทางผิวหนังได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายผู้ป่วยแต่ละราย อาการที่พบมากที่สุดคือ
- ผื่นผิวหนัง PPE (Pruritic Popular Eruption) มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง หรือสีเนื้อ มีขนาดเล็กคล้ายตุ่มยุงกัด มีอาการคันมาก พบได้ทั่วร่างกาย พบมากบริเวณแขน ขา คอ หน้าอก ศีรษะ เมื่อตุ่มเริ่มหายจะมีสีคล้ำขึ้น
- มีต่อมไขมันอักเสบ
- เป็นผื่นสะเก็ดหนา บริเวณหนังศีรษะ ไรผม คิ้ว ข้างแก้ม ร่วมกับมีรังแคมาก
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเอดส์ ยังมีการติดเชื้ออื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น งูสวัด เริม หูด หูดข้าวสุก ติดเชื้อราทั้งในช่องปาก ช่องคลอด ผิวหนัง บางรายพบฝ้าขาว เป็นขุยบริเวณลิ้น หรือบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้
PPE คือตุ่มเอดส์ใช่หรือไม่
PPE เป็นตุ่มที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นตุ่มเอดส์ แต่ในความเป็นจริง PPE เป็นการอักเสบของผิวหนัง ที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อาจเกิดจากการถูกแมลงกัดต่อย การแพ้ยาบางชนิด ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเกิดจากการติดเชื้อไวรัสอื่นๆก็ได้ PPE เป็นเพียงอาการแสดงอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเอดส์แต่ไม่สามารถนำมาเป็นอาการในการวินิจฉัยโรคเอดส์ได้ การจะวินิจฉัยว่าติดเชื้อเอชไอวี หรือเป็นโรคเอดส์ แพทย์จะดูจากผลเลือดและอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
ดังนั้นตุ่มเอดส์ ไม่ได้มีลักษณะเฉพาะเจาะจง สามารถเกิดได้หลายรูปแบบ ผู้ที่มีความเสี่ยง หรือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี (ตรวจเลือดพบ HIV-positive) เมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติทางผิวหนัง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการดูแลรักษาที่ถูกวิธี ป้องกัน และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจตามมาได้